ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อย่าดังไป “บ่อนเชียงใหม่”นายทุนใหญ่คือ “อาร์ม สายไหม” เด็กอดีตบิ๊กตำรวจในเมืองหลวง" งานนี้ “บิ๊กเด่น” หัวจะปวดอีกแว้วว.
ปฏิบัติการนครพิงค์ ของกรมการปกครองร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ บุกทลายบ่อน "89 คลับกาสิโน" ที่เปิดเย้ยฟ้าท้าดินในย่านสันติธรรม กลางเมืองเชียงใหม่ ตบหน้าตำรวจ ได้ตัวนักพนันกว่าร้อยคน พร้อมของกลางจำนวนมาก
หลังข่าวแพร่สะพัดเป็นไฟลามทุ่งออกไป ตำรวจรีบตัดไฟแต่ต้นลมโดย “พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย” ผบก.จ.เชียงใหม่ มีคำสั่งย้ายด่วน 5 เสือ สภ.ช้างเผือก เจ้าของพื้นที่ ประกอบด้วย พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก. - พ.ต.ท.สุพจน์ ฉลาด รองผกก.ป. - พ.ต.ท.ณัฐพล เอกฉันท์ รองผก.สส. - พ.ต.ต.พีระพล ขวาของ สว.สส. และ พ.ต.ต.อมรเทพ สุขันธ์ สวป. ไปประจำศูนย์ ศปก.จ.เชียงใหม่ พร้อมให้ตั้งกรรมสอบสวนความผิด
เรียกว่าพอพลาดท่าให้กรมการปกครองบุกถึงถ้ำ ประจานความแหลกเหลว ก็เปิดตำราเดิมๆ จัดการพวกตัวเองไปตามระเบียบ
ส่วนที่เด้งก็เด้งกันไป บรรดา 5 เสือ จำทนเป็นแพะ ส่วนตัวใหญ่ๆ ก็ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา หมดกระแสก็หาทางช่วยเหลือกัน หรือบางทีกลับมาเป็นใหญ่กว่าเดิม นี่คือกงล้อที่ทำให้สังคมเอือมระอา
เบื้องหลังเรื่องนี้พยายามปิดกันให้มิด แต่ในวงการสีเทารู้กันว่า “บ่อน 89 คลับกาสิโน” ไม่ใช่บ่อนใหม่เพิ่งเปิดบริการหรือเป็นบ่อนภาพลักษณ์เดิมๆ คือ ตั้งอยู่ในที่ลับ มีกำแพงล้อมรอบ แต่เรื่องจริงแทบไม่ต่างอะไรกับสะดวกซื้อเปิดให้ขาพนันเดินเข้าออกอย่างอิสระ
แม้ตอนเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับจะเห็นจากภาพที่ปรากฏว่า ไม่มีการทุบประตู ทุบกำแพง แต่ชาร์จเข้าหาถึงใจกลางบ่อนได้ทันที เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร!!??
คำตอบคือ เพราะมีการจ่ายส่วยก้อนใหญ่ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอย่างถึงใจ ทั่วถึงใช่เพียงแค่ 5 เสือโรงพักอย่างที่เป็นข่าวหรือสังคมเข้าใจกัน
เพราะบ่อนใหญ่มีการละเล่นครบครัน ทั้งบาคาร่า เสือมังกร ไฮโล การพนันกำถั่ว เรื่อยไปจนถึงตู้ยิงปลา มันคือบ่อนใหญ่ครบวงจร!!
ยิ่งดูการจัดระบบ มีชิปเงินสด การเลี้ยงดูอาหาร และเครื่องดื่ม กติกามีการตรวจค้นอาวุธปืน ห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้าบ่อน กับการติดกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ กว่า 20 ตัวนั้น มันคือระบบที่ถอดออกมาจากบ่อนใหญ่ในเมืองหลวง หรือบ่อนกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ยกเว้นบ่อน "ผู้ยิ่งใหญ่" ที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร ที่ยังคงเปิดท้าทายไม่เกรงใจใคร
บ่อนในรูปแบบนี้ การส่งส่วยหรือ “เคลียร์” ต้องไล่จากบนลงล่าง บนสุดรับทรัพย์มากสุด ส่วนระดับล่างคือ 5 เสือ เมื่อเกิดความผิดพลาด ก็เป็นหนังหน้าไฟไประยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือดังเช่นทุกๆ ครั้ง ตามค่านิยมของวงการสีกากี
ตัดฉากเส้นทางส่วยมายังข้อสังเกตต่างๆ รวมทั้งข้อมูลจากชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ที่ระบุว่า บ่อน 89 คลับฯมีน ายทุนคนดังจาก กทม. มาดำเนินการ
เมื่อตรวจสอบข้อมูลก็พบว่า นายทุนตัวเป้ง คือ “อาร์ม สายไหม” โปรไฟล์ไม่ธรรมดา ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในย่านชานเมืองกรุงเทพฯ แต่ด้วยนโยบายของ “พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” ผบช.น.ที่เป็นโรคไม่ถูกเส้นกับบ่อนพนัน สั่งห้ามเด็ดขาด “อาร์ม สายไหม” จึงอาศัยเส้นสายความคุ้นเคยกับ "อดีตบิ๊กตำรวจ" ที่เคยอยู่กองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่ไปยิ่งใหญ่แถวภาคเหนือ จึงทำบันทึก MOU เปิดบ่อนพนัน 89 คลับกาสิโน นานมาเกือบ 2 ปี และไม่เคยถูกจับ หรือสั่งหยุดแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งมาเจอปฏิบัติการนครพิงค์ ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมาย
อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกกิจกรรมสีเทาของกองบัญชาการตำรวจภาค 5 ก็ยังพบอีกว่า ใช่ว่าจะมีเพียงบ่อนพนันจากนายทุน กทม. มาโกยเงินภาคเหนือเท่านั้น แต่มีการมอบสัมปทานตู้ม้า ตู้เกมส์ ให้กับบรรดาผู้ประกอบการที่คุ้นเคยมาเดินสายทำมาหากินในพื้นที่ภาค 5 หลายจังหวัด อาทิ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ซึ่งกิจการตู้ม้านั้น เป็นที่ทราบดีว่าเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด แต่มีคนใจถึงพึ่งได้ ยอมให้ผู้ประกอบการขนตู้ม้าจาก กทม. มามอมเมาเยาวชนชาวเหนือ โดยผู้ประกอบการก็ล้วนหน้าเดิมๆ เช่น “เอกใต้” หรือ “อาร์ม สายไหม” กับ นายเตี้ย และ นายหน่อง ราษฎร์บูรณะ เป็นต้น
คำถามสำคัญปิดท้ายคือ'บิ๊กเด่น" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ท่านจะว่าไร ท่านเคยสอบถามข้อเท็จจริงกับบิ๊กตำรวจในพื้นที่บ้างหรือไม่?!
ว่า ข้อมูลต่างๆของบรรดาผู้ประกอบการสีเทาที่ยกโขยงกันมาจากกรุงเทพฯแล้วมาปักหลักทำมาหากินในพื้นที่ภาค 5 ทั้งเชียงใหม่ –เชียงราย เป็นคนของใคร ? ปล่อยปละละเลยจริงหรือไม่ และสุดท้ายจะจัดการจะห้ามปรามกันอย่างไร?
งานนี้ “บิ๊กเด่น”ยืนยันไม่โกรธกรมการปกครองที่ทำให้เสียหน้า แต่คงต้องหัวจะปวดกับพวกเดียวกันแน่ๆ ถึงเวลาจัดการขั้นเด็ดขาดก่อนที่จะเกษียณหน่อยมั้ยท่าน ผบ.ตร.?.
**มีลุงไม่มีแล้ง!! กระมิดกระเมี้ยนอยู่นาน ในที่สุดเพื่อไทย ก็ยอมรับว่าขาดลุงไม่ได้
ภาพ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค เดินเท้าจากอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ (ที่ทำการพรรคเพื่อไทย) ไปอาคารไทยซัมมิท เพื่อเจรจากับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแกนนำอีกหลายคน ที่รออยู่ก่อนแล้ว
หลังคุยกันเสร็จ ก็ยังคงไม่มีความชัดเจนว่า ที่ไปขอให้ก้าวไกลโหวตหนุนแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย โดยไม่ให้ก้าวไกล มาร่วมรัฐบาลด้วยนั้น สำเร็จหรือไม่ อย่างไร ... แต่ในโซเชียลฯ ต่างเห็นว่านั่นเป็นแค่บทละครการเมือง และให้ฉายาคณะอุ๊งอิ๊ง ว่า ...“เพื่อไทยการละคร”
แม้จะไม่บอกผลการเจรจา แต่ท่าทีของ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่โพสต์เฟซบุ๊กในวันรุ่งขึ้น ก็บอกชัดว่า ก้าวไกลไม่โอเคกับข้อเสนอดังกล่าว
“วิโรจน์” บอกว่า ถ้าก้าวไกลโหวตให้ ก็เท่ากับก้าวไกล กำลังละเลยเสียงของประชาชน และยอมจำนนให้ส.ว.ที่เผด็จการเลือกมา เข้ามาแทรกแซงอำนาจของประชาชน ... และสุดท้ายเชื่อว่ารัฐบาลเพื่อไทย ก็จะไปดึงเอา “สองลุง” มาร่วมอยู่ดี โดยอ้างว่าเพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล ลูกไม้ตื้นๆ แค่นี้ประชาชนเขามองออก เพราะ คำว่า “สลายขั้ว” ที่เพื่อไทยพูดนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว
จึงขอยืนยันให้ทุกท่านสบายใจว่า การโหวตของก้าวไกล จะต้องไม่เป็นการเปิดประตูให้เผด็จการ ฉวยเป็นโอกาสเข้ามาร่วมรัฐบาลเพื่อสืบทอดอำนาจ อย่างแน่นอน!!
สำทับด้วยท่าทีของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่โพสต์เฟซบุ๊กว่า สถานการณ์ชัดเจนขนาดนี้ ทำไมพรรคก้าวไกล ยังไม่ประกาศจุดยืนเป็น “ฝ่ายค้าน” อย่างทระนงองอาจ ทั้งที่ ก้าวไกลชนะเลือกตั้งมาเป็นลำดับที่ 1 และรวบรวมเสียงได้ถึง ได้ 312 เสียง เแต่ด้วยความผิดปกติของรธน.60 ที่ให้ ส.ว.มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ก้าวไกลกลายเป็น “แกะดำ” ไม่สามารถเป็นแกนนำ หรือร่วมรัฐบาลได้
อีกทั้ง การแสดงออกของพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา และพรรคอื่นๆ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ารัฐบาลต้อง “ไม่มีก้าวไกล”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมก้าวไกล จึงไม่แถลงแสดงจุดยืนเสียทีว่า บัดนี้ก้าวไกล ต้องเป็นฝ่ายค้าน และจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างดีที่สุด ไม่ต้องรับคำร้องขอ ไม่ต้องเจรจา ไม่ต้องหวังว่าจะมีแสงริบหรี่ รำไร ให้ได้กลับมาร่วมรัฐบาลอีก...การเล่นบท “เหยื่อ” ผู้ถูกรุมกระทำ หวังให้คนเห็นใจนั้น คนเริ่มเบื่อ รำคาญ และรู้สึกว่าเรา อ่อนแอ ไม่ชัดเจน ไม่สู้ ไม่กล้าหาญ...เลิกได้แล้ว!!
จากท่าทีของทั้งสองแกนนำ ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีทางที่ก้าวไกลจะมาช่วยโหวตหนุนนายกฯของพรรคเพื่อไทย เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. เพื่อไม่ต้องอ้าแขนรับ“สองลุง”
...วันเดียวกัน “สมศักดิ์ เทพสุทิน” หนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร ที่เลือกตั้งครั้งนี้ ได้ย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่ เพื่อไทย ก็ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาก็เคยพูดคุย สื่อสาร กับส.ส.ที่เคยอยู่ในกลุ่มสามมิตรด้วยกัน อย่าง “ธนกร วังบุญคงชนะ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และ “อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท พรรครทสช. เพราะรู้ว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ ก็อยากเป็นรัฐบาล แต่ไม่ได้แนะนำให้เขาเป็นงูเห่านะ หากมาร่วมรัฐบาลก็ให้มาเป็นพรรค มาทั้งหมด มันถึงจะสมศักดิ์ศรีการเป็นส.ส. และพรรคการเมือง
สำหรับ“อนุชา นาคาศัย” นั้น เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มสามมิตร ที่ย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ และยังเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ตอนนี้ ก็กำลังปลุกปั้นโครงการ “โคล้านครอบครัว” ซึ่งเป็นเหมือนยี่ห้อของ“สมศักดิ์”อยู่
ดังนั้น เชื่อว่านี่คือสัญญาณ ที่พรรคเพื่อไทย สื่อสารออกมาว่าจะดึงพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมแน่ เพราะถือว่า ตอนนี้ไม่มี“ลุงตู่”อยู่ในพรรคแล้ว
...แล้วพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล่ะ งานนี้จะตกขบวนหรือ?!!
ปรากฏว่า คล้อยหลังที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”ให้สัมภาษณ์สื่อไปไม่กี่อึดใจ ... “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร “มือขวา” ของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาประกาศจุดยื่นของพรรค ว่าพร้อมโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โดยจะมากันทั้งพรรคทั้ง 40 คน ไม่ขาดแม้แต่คนเดียว ไม่เว้นแม้แต่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกฯของพรรค ก็จะโหวตให้ด้วย
ย้ำว่าเป็นการโหวตให้ฟรีๆ โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น...ถ้าเพื่อไทยไม่รับเข้าร่วมรัฐบาล ก็พร้อมไปเป็นฝ่ายค้าน ...แต่ขอบอกเอาไว้ให้คิดสักนิดว่า... “มีลุงไม่มีแล้ง!!” นะจ๊ะ
แม้เพื่อไทยจะยังไม่ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีรายงานข่าวว่าตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า พรรคสองลุง เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน
ส่วนจะโหวตนายกฯ กันเมื่อไรนั้น ก็มีสัญญาณออกมาจาก “สมชาย แสวงการ” ส.ว. ที่โพสต์เฟซบุ๊กว่า ... เปิดการแสดงอีกรอบ 22 ส.ค.นี้ ที่รัฐสภา รอชม พท.การแสดง+ก.ก.การละคร 22 ส.ค. โหวตนายกฯคนที่ 30 วันเผยธาตุแท้นักการเมืองไทย ดีลลับฮ่องกง ล้มรธน.ปราบโกง ปฏิบัติการพาลุงโทนี่กลับบ้าน ม้วนเดียวจบ หรือม้วนเดียวจอด...