“ส.ว.เสรี” ชี้ “อุ๊งอิ๊ง” นำทีมพบ “ก้าวไกล” มีอะไรมากกว่านั้น อาจเป็นการสร้างความมั่นใจไม่ใช้เสียง ส.ว. ไม่ติดหากดึง “ก้าวไกล” ร่วมโหวตด้วย ปัดตอบโหวตแคนดิเดต “เพื่อไทย” หรือไม่ บอกกำลังจับตาเป็นตัวบุคคล มอง 3 พรรคหลัก “ก้าวไกล-เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ถ้ายังยึดแต่หลักการตัวเอง ก็ต้องง้อเสียง ส.ว.ช่วย
วันที่ 10 ส.ค. 2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำแกนนำพรรคเพื่อไทย หารือกับแกนนำพรรคก้าวไกล เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.) ว่า เป็นเรื่องการแสดงออกทาง การเมืองที่พรรคเพื่อไทยพยายามจะหาแนวร่วมให้ได้มากที่สุด ซึ่งส่วนตัวต้องดูต่อไปว่าจะรวมเสียงกันได้มากน้อยแค่ไหน การที่แต่ละพรรคการเมืองจะตั้งนายกรัฐมนตรีได้เราก็ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย อยู่ที่ว่าแต่ละฝ่ายที่มีในแต่ละพรรค จะยืนอยู่บนหลักการของตนเองได้มากน้อยแค่ไหน
“ข้อเสนอและการตัดสินใจมีการเปลี่ยนไปมาตลอดในตอนนี้ ส.ว. เราก็คงต้องคอยดูว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรครวมเสียงการเมืองให้ได้มากที่สุด ถ้ามันสามารถที่จะรวมเสียงของก้าวไกลได้ด้วย มันก็ไม่ต้องมาพึ่งพาอาศัยเสียงของ ส.ว. ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะยืนหยัดในหลักการในจุดยืนของตัวเองอย่างไร” นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่าฝั่ง ส.ว. ไม่ติดเลยใช่หรือไม่ หากจะมีการรวมเสียงพรรคก้าวไกลมาให้พรรคเพื่อไทยในการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป นายเสรี กล่าวว่า ตนไม่ขัดข้อง เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคสามารถตกลงกันได้อยู่แล้ว และขึ้นอยู่กับว่าแต่ละพรรคจะแสดงออกกับประชาชน ไปบอกประชาชน ยืนในหลักการ และจะให้เหตุผลกับประชาชนว่าอย่างไร
“วันนึงร่วม วันนึงไม่ร่วม วันนี้กลับมาร่วม จะให้เหตุผลกับประชาชน หรือจะกลับไปกลับมาจนถึงวันลงคะแนนหรืออย่างไรก็ต้องมีความชัดเจนให้ประชาชนเขาเห็นก่อน” นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่า พรรคเพื่อไทยทำอยู่คือความชัดเจนใช่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าความตั้งใจของเขาจะอยู่ระดับไหน แต่การแสดงออกทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย และเป้าหมายที่จะทำก็คือต้องไม่ใช่ประโยชน์กับพรรคของตัวเอง
“ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็จะเดินไปขอโทษหรือขออภัยในสิ่งที่ผ่านมา ผมว่ามันแค่โทรศัพท์คุยกันก็ได้ แต่การที่จะเดินทางไปพูดคุยเพื่อต้องการจะให้ปรากฏ ผมว่ามันก็ต้องมีเป้าหมาย ไม่ใช่จู่ๆ จะไปขออภัยในความเสียใจ ผมว่าถ้าแค่นั้นมันอาจจะไม่เพียงพอ” นายเสรี กล่าว
เมื่อถามว่า จะเป็นการลับลวงพรางหรือไม่ อาจจะมีการเชิญมาร่วมรัฐบาลภายหลัง นายเสรี กล่าวว่า เรื่องที่จะดึงพรรคก้าวไกลนั้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางกันไป เดี๋ยวนี้ก็สามารถมีโซเชียลได้ สามารถโทรศัพท์ได้ สามารถทำการลับๆ ง่ายกว่า แต่ที่เดินทางถึงขนาดลงทุนไป ตนคิดว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น
เมื่อถามว่า ข้อสันนิษฐานที่มากกว่านั้นคืออะไร นายเสรี กล่าวว่า อันดับแรกเป็นการสร้างความมั่นใจจะให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เสียง ส.ว.แล้ว เพราะมีเสียงพรรคก้าวไกลช่วยอยู่ ก็อาจจะเป็นได้
นายเสรี กล่าวว่า การรวมพรรคแต่ละพรรคพรรคที่มีจำนวนมาก 3 พรรค ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแปร หากใน 3 พรรคการเมืองนี้เสียงยังแตกอยู่ ยังต่างฝักต่างฝ่าย ยืนในหลักการของตัวเองอยู่ มันก็จะต้องใช้เสียง ส.ว. แต่หากสามารถเป็นหลักในการรวมกันได้ ก็อาจจะได้ 376 เสียง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลปรากฏคะแนนได้ชัดขึ้น
เมื่อถามว่า จะมีการโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ก็แล้วแต่และพรรคการเมือง ยังมีเวลา มีอนาคต อาจจะเปลี่ยนอีกคนหนึ่ง ก็เกิดขึ้นบ่อยๆ อยู่แล้วอยู่ที่ข้อมูลที่จะปรากฏในสาธารณะว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม หรือนโยบายแนวทางอะไรที่ทำให้สังคมยอมรับได้ หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่เสนอชื่อ
ส่วนกังวลหรือไม่การพูดคุยกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ จะเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว. นายเสรี กล่าวว่า หากตกลงกันได้ก็ดี เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นเรื่องของ ส.ส. ต้องไปจัดการกันเอง แล้ว ส.ว.ก็พ้นภารกิจหน้าที่ตรงนี้ได้ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับบรรดาพรรคการเมืองจะไปตัดสินใจที่จะรวมคะแนนกันอย่างไร ซึ่งมวลชนที่สนับสนุนแต่ละพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยพรรคก้าวไกลก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้