เลขาฯ พท.อ้าง ได้เสียงโหวตนายกฯ เพียงพอแล้ว แต่เมื่อเลื่อนการโหวตทำให้มีเวลาพูดคุย ส.ส.- ส.ว.เติมเสียงมากขึ้น เพื่อทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ อุบมีพรรคลุงหรือไม่ให้รอดูวันแถลง ยัน “ทักษิณ” เลื่อนกลับเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค หนุน “วันนอร์” สั่งปิดประชุมถูกต้องแล้ว
วันนี้ (5 ส.ค.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้าการประสานงานจัดตั้งรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยได้ประสานงานพรรคการเมืองต่างๆ และพร้อมยกมือสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อประธานรัฐสภาได้สั่งเลื่อนการประชุมในวาระโหวตนายกฯ ออกไปเพื่อรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญประเด็นคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้พรรคเพื่อไทยมีเวลาพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึง ส.ว.มากยิ่งขึ้น จากเดิมเรามั่นใจว่า เสียงเพียงพอสามารถผลักดันแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อมีเวลาเพิ่มเติมก็ควาดว่าจะได้เสียงมากยิ่งขั้นเพื่อทำให้รัฐบาลมีสเถียรภาพมากขึ้น
เมื่อถามว่า เสียงที่สนับสนุนเพียงพอมีมาจากพรรคใดบ้างและมีพรรคของลุงร่วมด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่ขอพูดอะไรในประเด็นนี้ รอให้ติดตามตอนแถลงข่าวเปิดตัวพรรคการเมืองที่จะร่วมโหวตให้แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ถึงวันนั้นทุกอย่างจะชัดเจน
เมื่อถามว่า การที่ นายทักษิณ ชินวัตร เลื่อนการเดินทางกลับไทย จะกระทบอะไรในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า การเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ไม่มีผลกระทบอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวของนายทักษิณ ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด และนายทักษิณก็ยืนยันด้วยตัวเองมาโดยตลอดว่าการเดินทางกลับไทยไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งปิดการประชุมเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีบางฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของประธานรัฐสภาถูกต้องตามข้อบังคับของที่ประชุมที่ให้อำนาจแก่ประธานรัฐสภาไว้ และถ้าปล่อยให้มีการพิจารณาญัตติที่พิจารณาไปก่อนหน้านี้ ต่างฝ่ายก็จะต่างลุกขึ้นอภิปราย ไม่มีใครยอมใครจนหาข้อสรุปไม่ได้ และประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาก็อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ก็อยากให้มีความขัดเจนก่อนที่จะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาในรัฐสภา ดังนั้น ตนจึงอยากให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาในการทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป