เจ๊จุก คลองสาม ถามดังๆ “The Cost of Freedom” มีสูบบุหรี่ไฟฟ้าในปั๊มน้ำมันไหม? “เสธ.Play” มีดีเบต “รุ้ง-ดร.อานนท์” มั้ย และมี “ประชาธิปไตยนี้ดี สู้แล้วรวย” มั้ย “ดร.สุวินัย” จัดหนัก “วิถีมืด กูรูมืด” หลวมตัวถลำลึกถูกบงการได้
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ส.ค. 66) หลังเพจเฟซบุ๊ก “สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย” ประชาสัมพันธ์หนังสารคดี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำม็อบราษฎร หรือกลุ่มสามนิ้ว และ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เรื่อง “The Cost of Freedom” เตรียมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาล Chain NYC Film Festival ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เพจเฟซบุ๊ก เจ๊จุก คลองสาม FC v.1 โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“The Cost of Freedom”
แล้วสูบบุหรี่ไฟฟ้าในปั๊มน้ำมัน มีราคาที่ต้องจ่ายไหมคะ 😮💨
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก เสธ.Play โพสต์ข้อความว่า “สารคดี COST OF FREEDOM ของรุ้งที่กำลังโฆษณาใหญ่โตจะมีฉากนี้มั้ยครับ?”
พร้อมนำคลิปสั้นๆ ตอนหนึ่งของการดีเบตระหว่าง รุ้ง ปนัสยา กับ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ประเด็น “พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561” ในรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า รุ้งแพ้ยับ เมื่อ ดร.อานนท์ อธิบายข้อมูลและกฎหมายได้ละเอียดครบถ้วน ทำให้รุ้งไปไม่เป็นและนิ่งเงียบ มาเผยแพร่ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนหน้า เพจ เสธ.Play ยังได้โพสต์ภาพ รุ้ง ปนัสยา ถือกระเป๋าหรูแบรนด์เนมหลุยส์ วิตตอง ราคาใบละ 2 แสนบาท (ที่เคยมีกระแสโจมตีทางโซเชียล) พร้อมระบุว่า “ประชาธิปไตยนี้ดี สู้แล้วรวย”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ วิถีก้าวไกล : วิถีมืดของกูรูมืด
โดยระบุว่า ถ้าเชื่อคำพูดของ “ผู้นำทิพย์” จอมกะล่อนที่ภาพลักษณ์ดีอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ชีวิตของเยาวชนที่อ่อนต่อโลก ย่อมเดินเข้าสู่ด้านมืดและวิถีมืดได้โดยง่าย
วิถีมืดของกูรูมืดพวกนี้ มีลักษณะร่วมกันอยู่ 4 อย่างคือ
“หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม และครอบครอง”
(1) อย่างแรก คือ “โกหก หลอกลวง” ถ้าเป็นยุคนี้คือการหลอกลวงผ่านเฟกนิวส์
เงื่อนไขนี้มาก่อนเลย ถ้าหลอกลวงด้วยเฟกนิวส์ได้แล้ว
(2) สิ่งที่ตามมาอย่างที่สอง คือ “การครอบงำความคิดของสาวก”
ที่หลงเชื่ออย่างเนียนๆ แทบไม่รู้ตัวในโลกโซเชียลโดยเฉพาะ TikTok กับทวิตเตอร์ ...จนถลำลึกมากยิ่งขึ้นทุกที
TikTok กับทวิตเตอร์จึงเป็นเครื่องมือที่สะดวกที่สุดในยุคนี้ในการครอบงำความคิดของสาวก
พอครอบงำความคิดจนเกิดอุปทานหมู่ หลงเชื่อตามๆ กัน โดยมีกลไกหลอกลวงโฆษณาชวนเชื่อ ที่ตอกย้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา
(3) ก็จะมาสู่อย่างที่สามคือ “การควบคุมพฤติกรรมของสาวก”
ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการ “ชี้นำพฤติกรรม” ให้แชร์ ให้ทวีต ติดแฮทแท็ก แบบแห่ตามกันเป็นฝูง
(4) ขั้นต่อไปคือ “ยุยงให้ใช้ hate speech” พาไปเอาทัวร์ลง บูลลี กดดัน ถล่มผู้คนที่เห็นต่าง ไม่ทำตามใจพวกตน
โดยที่ในขั้นสุดท้ายนี้ คือ “การครอบครองร่างกายและชีวิตจิตใจรวมทั้งจิตวิญญาณของผู้นั้นอย่างสิ้นเชิง”
จะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ จะให้ก่อการร้าย ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หรือจะให้ฆ่าตัวตายรวมหมู่ก็ยังได้
.....
กูรูมืดมีหลายระดับและหลายวงการก็จริง แต่แค่หลอกลวงด้วยเฟกนิวส์ก็ถือว่าเริ่มเข้าสู่วิถีของกูรูมืดเต็มตัวแล้ว
......
สังคมที่ปล่อยให้เฟกนิวส์อาละวาด โดยที่ทางการอ่อนแอทำอะไรไม่ได้เลย
คือสังคมที่อ่อนแอทางสติ อ่อนแอทางปัญญาความคิดวิเคราะห์ และอ่อนแอทางจิตวิญญาณ
มหาวิทยาลัยที่ปล่อยให้พวก “กูรูมืด” มาล้างสมองนักศึกษาใหม่ของตน โดยไม่แยกแยะกลั่นกรองให้ดีก่อน
มหาวิทยาลัยนั้นย่อมตกต่ำทางจิตวิญญาณ จนเกินกว่าจะมาชี้นำสังคมด้วยสติและปัญญาญาณเหมือนในอดีตได้
มหาวิทยาลัยแห่งนั้นได้ทำตัวเองให้เสื่อมเองแท้ๆ
.....
คนยุคนี้ ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท เพราะกูรูมืดแฝงอยู่ในทุกวงการ
ในทางการเงิน กูรูมืดคือเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ หรือ เทรดเดอร์โฟโต้ช็อปที่สร้างภาพว่าเป็นเทพ
ในทางการเมือง กูรูมืดคือพวกแกนนำในขบวนการทางการเมืองที่สร้างวาทกรรมปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังประเทศตนเอง และสถาบันหลักๆของประเทศอาฆาตอย่างรุนแรง แถมยังขายชาติด้วยการคิดชักศึกเข้าบ้าน
.....
จงอย่าให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวต้องพังพินาศ เพราะหลวมตัวไปหลงเชื่อกูรูมืด เข้าสู่วิถีมืดเป็นอันขาด
ถ้าใช้หลักเกณฑ์ 4 ข้อ เรื่อง “หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม ครอบครอง” ที่ยกมาข้างต้น คงน่าจะช่วยแยกแยะได้ว่าใครเป็นกูรูมืด
แต่ถ้ายังไม่ได้คิด หรือคิดไม่ได้ ก็ต้องเตรียมรับผลกระทบในชีวิตที่จะตามมา