ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"เศรษฐา ทวีสิน" แบเบอร์นายกฯคนที่ 30 ตัวจริงสักที หรือยังต้องรอ "คนที่ใช่" ต่อไป?!!
เมื่อเพื่อไทยหย่ากับก้าวไกล เพื่อไปต่อ โดยรอเสนอชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" เข้าสู่การโหวตของที่ประชุมร่วมรัฐสภา วันศุกร์ที่ 4 ส.ค.นี้ ก็มีคำถามจากบรรดาขาเมาต์ ขาเผือก ทั้งหลายว่า เบอร์นี้ใช่ตัวจริงแล้วใช่ไหม?
เศรษฐา ทวีสิน หรือ "นิด" หนุ่มใหญ่วัย 60 พอดิบพอดี อดีตประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด ผู้มีใจฝักใฝ่การเมือง จะได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่หรือพี่จ๋า !?
ว่ากันตามทำนอง มาถึงขั้นนี้เงื่อนไขต่างๆ ที่บรรดาส.ว. ซึ่งเคยปิดประตู ไม่โหวตให้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เชื่อกันว่า โดยภาพที่ทำให้เห็นว่า "มีเรา ไม่มีก้าวไกล" MOU ได้ถูกฉีกทิ้งไปก็จริง แต่ในทางปฏิบัติ ส.ว.ก็ยังติดใจ "คำมั่น" ของ "เศรษฐา" ต่อท่าทีเรื่อง ม.112
ดังนั้น จึงมีสัญญาณออกมาจากส.ว.บางคนพูดแทนกลุ่มส.ว.จะขอรอดูการแสดงวิสัยทัศน์ของเจ้าตัวในวันโหวต ก่อนจะตัดสินใจยกมือให้ หรือไม่
“ส.ว.เสรี สุวรรณภานนท์” ถึงกับบอกว่า เพื่อไทยต้องตอบให้ได้ก่อนไม่แก้ ม. 112 เพราะอะไร ? จงรักภักดีหรือไม่ ? ไม่เช่นนั้นจะไม่โหวต!
ขณะที่ท่าทีของส.ส. ก็ยังไม่ชัดเจน ระหว่างพรรคเพื่อไทย เตรียมจับขั้วพรรคการเมืองใหม่ เพื่อตั้งรัฐบาล ขั้วเก่า "188 เสียง" ล้วน "เก็บอาการ"
ที่เก็บอาการไม่แสดงออกว่าจะโหวตให้ "เศรษฐา" อย่างไม่มีเงื่อนไข ก็เชื่อกันว่า อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองทั้งเรื่องเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งอื่นๆ
เรียกว่ารู้ว่า เจ้าบ่าวเพิ่งบอกเลิกกับภรรยามาหมาดๆ กิ๊กคนใหม่ไม่รีบร้อนเปิดตัว รออัปสถานะได้ชัวร์ๆ ก่อนค่อยว่ากัน ช่วงนี้ขอเล่นตัว ดึงราคากันหน่อย
นั่นหมายความว่า เพื่อไทย จะเลือกใครเข้าร่วมรัฐบาลบ้างใน วันนี้ (3ส.ค.) ถ้ารู้ชัดๆ จึงจะได้เห็นเสียงชัดๆ ของส.ส.ที่พร้อมจะโหวตให้ “เศรษฐา”
ฟังว่าความเคลื่อนไหวของ 3 พรรคใหญ่ฝ่ายขั้วเดิม คือ พรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และ รวมไทยสร้างชาติ จะยังคงจับมือไปด้วยกัน
ถ้าเพื่อไทย ไม่ยอมรับพรรค 2 ลุง ความคาดหวังว่าจะให้ภูมิใจไทย โหวตทั้งพรรค 71 เสียง อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็น
ส่วน รวมไทยสร้างชาตินั้นวงในบอกว่า ไหนๆ เพื่อไทยก็บูลลี่มาตลอด วันที่ 4 ส.ค.นี้ พรรคลุงก็จะแสดงจุดยืนไม่เอาเพื่อไทย เช่นกัน
แว่วว่า จะเสนอให้เลื่อนโหวตนายกฯ ออกไปอีกอย่างน้อย 20 วัน รอให้สถานการณ์สุกงอม เร่งรัดให้เลือก "เศรษฐา" ประชาชนจะประสาทเสีย หากฝืนคำตอบ มีแค่ 2 ทางโหวตสวน-งดออกเสียง
ส่วนท่าทีของพรรค "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ขานรับเช่นกัน ในเมื่อรังเกียจลุง ลุงก็จะตั้งแง่รังเกียจ "เศรษฐา" เช่นกัน
ด้วยประการฉะนี้ ศุกร์ที่ 4 สิงหาคม เมื่อยังมีลับลมคมในที่เป็นเครื่องหมายคำถามว่า นายกฯคนที่ 30 จะเป็น "เศรษฐา ทวีสิน" ม้วนเดียวจบ อย่างที่เพื่อไทยเชื่อมั่นหรือไม่ ? หรือว่า ต้องรอต่อไป
ถามว่าจะให้รอจนถึงเมื่อไหร่ ? ถึงตอนนั้นยังจะเป็น "เศรษฐา" หรือเปลี่ยนตัวเลือกเสนอ "คนที่ใช่" จริงๆ
งานนี้โปรดติดตามอย่ากระพริบตา !!
**หมดเวลาเล่นละคร!! “เพื่อไทย”ฉีกเอ็มโอยู จากนี้ไม่มีก้าวไกล แต่จะไปรวมกับใคร มีสองลุงหรือไม่ วันนี้ได้รู้กัน!!
ในที่สุดพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ได้เวลาตั้งโต๊ะแถลง ฉีกเอ็มโอยู 8 พรรค ผ่าทางตันเพื่อตั้งรัฐบาลให้ได้ หลังรอท่าทีจากพรรคก้าวไกลจะยอมถอยไปเองหรือไม่ หากยังยึดมั่นที่จะแก้ไขมาตรา 112
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกถึงความจำเป็นที่ไม่สามารถให้ “ก้าวไกล” อยู่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะทั้ง ส.ว.และส.ส.ยื่นเงื่อนไขมาว่า จะไม่โหวตหนุน “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย หากยังมีก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม
พร้อมกันนี้ได้แสดงความมั่นใจว่าการโหวตนายกฯในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนจะมีพรรคการเมืองใดมาร่วมรัฐบาล มีพรรคของสองลุงหรือไม่ บ่ายวันที่ 3 ส.ค.นี้ได้รู้กัน
ด้าน “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เคยรับบท “ผู้จัดการรัฐบาล” แต่ผลักดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นนายกฯไม่สำเร็จ ก็ฌออกมาแถลงขอโทษประชาชน ที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงประชาชนได้ พร้อมชี้แจงว่า “เพื่อไทย” เป็นฝ่ายขอออกจาก MOU ไม่ได้ขอให้ “ก้าวไกล” ถอยเรื่อง ม.112 บอกกับเราแค่ว่า เกือบทุกพรรค ไม่ต้องการก้าวไกลร่วมรัฐบาล และ เพื่อไทยก็ไม่ได้ขอให้ก้าวไกล ช่วยโหวต “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯด้วย คงจะเกรงว่า ถ้าก้าวไกลช่วยโหวต จะทำให้ ส.ว. ระแวง ไม่ไว้วางใจ ...ทั้งนี้ ก้าวไกล อยู่สถานะไหนก็ทำงานได้ เพื่อสร้างระบบการเมืองประชาธิปไตย อย่างแท้จริง ที่เสียง และอำนาจของประชาชน มีความหมายจริงๆ ให้ได้สักวันหนึ่ง
มีรายงานว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเพื่อไทย คุยกับพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้ง ส.ว.จนมีความมั่นใจว่า สามารถรวบรวมเสียงโหวตหนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้เกิน 376 เสียงแล้ว จึงได้ประกาศถอนตัวออกจากเอ็มโอยู
โดยพรรคการเมืองที่จะยกมือสนับสนุนให้ “เศรษฐา ทวีสิน”เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง และ พรรคหนึ่งเสียงที่เหลือ ประกอบด้วย พรรคเสรีรวมไทย ประชาธิปไตยใหม่ พรรคใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย โดยยกเว้น พรรคเป็นธรรม
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีทั้งหมด 25 เสียงนั้น มีการทาบทามได้ว่าเสียงส่วนใหญ่ประมาณ 19-22 เสียง จะยกมือให้ ยกเว้นกลุ่มของ “ชวน หลีกภัย” อดีตหัวหน้าพรรค
สำหรับในส่วนของ ส.ว.นั้น ทางแกนนำพรรคเพื่อไทย มีความมั่นใจว่าหลังจากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ไม่มีเรื่องแก้ไขมาตรา 112 แล้ว แม้จะไม่มีพรรคของสองลุงอยู่ร่วมรัฐบาลเลย ก็น่าจะได้รับเสียงสนับสนุนประมาณ 100 -150 เสียงขึ้นไป จึงมั่นใจว่ามีเสียงเพียงพอที่จะส่งให้ “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้
ถ้าเป็นไปตามสูตรนี้ ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล 151 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง
ในสมการโหวตนายกฯรอบนี้ ยังมีที่ต้องลุ้นอีกหนึ่งตัวแปรคือ ในวันนี้ (3 ส.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณารับเรื่องร้องเรียนจากผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่องเสนอญัตติซ้ำ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าศาลรธน. รับเรื่องไว้พิจารณษ จะสั่งให้พักการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯไว้ก่อนหรือไม่
แต่ถ้าไม่รับไว้พิจารณา การโหวตนายกฯก็จะดำเนินได้ต่อไป ก็ต้องจับตาว่าในวันนั้น พรรคก้าวไกล จะเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ขึ้นมาประกบอีกรอบหรือไม่...แม้จะรู้ว่าแพ้ แต่ก็เป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ว่า ไม่สนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยไปร่วมตั้งรัฐบาลกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ก็ต้องติดตามว่าในวันที่ 4 ส.ค. พรรคก้าวไกลจะตัดสินใจอย่างไร...แต่ล่าสุด “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเผยว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ถึงขั้นต้อนอนโรงพยาบาล และอาการหนักกว่าที่คาดคิด