“ต๊ะ นารากร” แนะก้าวไกล เปลี่ยนฝ่ายกฎหมาย ก่อนเปลี่ยนประเทศ “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ซัด “พิธา-ก้าวไกล” อย่าโทษใครต้องโทษตัวเอง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 ก.ค.) เพจเฟซบุ๊ก เปาบุ้นจุ้น โพสต์ภาพไลน์หลุด อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล แจ้งถอนตัว เพราะถือหุ้นสื่อ พร้อมข้อความระบุว่า
“ไลน์หลุด! อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล แจ้งถอนตัวเพราะถือหุ้นสื่อ ทำไม “พิธา” ไม่รู้ หรือดื้อทำผิด
โซเชียลฯ แชร์ไลน์หลุด อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ แจ้งขอถอนตัวด่วน แล้วทำไม “พิธา” หัวหน้าพรรคไม่รู้เรื่องหุ้นของตัวเอง ยังดื้อทำผิด
วันนี้ (26 ก.ค.) เพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 ได้โพสต์ภาพการสนทนาผ่านระบบข้อความในไลน์กลุ่มของพรรคก้าวไกล ระบุว่า อดีตผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล โชว์หลักฐานผู้สมัครทุกคนรู้เรื่องการถือหุ้นสื่อ คุณชัชวนันท์ โชว์หลักฐานคุยไลน์ กับ พรรคก้าวไกล ขอถอนตัวออกจากผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ก่อนสมัคร 2 วัน เพราะตัวเองถือหุ้นสื่ออยู่
จึงเป็นคำถามว่า คุณพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ จะไม่รู้เรื่องหุ้นสื่อได้อย่างไร ?
ทั้งนี้ พบว่า มีเอกสารชี้แจงการประชุมของพรรคก้าวไกล เรื่อง รายชื่อผู้สมัครที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเพื่อเข้ารับกระบวนการรับฟังความเห็น เพื่อคัดเลือกเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกล อีกทั้งในแชตไลน์ ชัชวนันท์ สันธิเดช ยังได้แจ้งกับทางกลุ่มสมาชิก ว่า ตนเองตัดปัญหาเรื่องหุ้นสื่อ จึงต้องขอถอนตัว
ประเด็นนี้ โลกโซเชียลฯ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ระบุว่า ในเมื่อสมาชิกพรรคยังทราบว่าหากมีการถือหุ้นสื่อ ทำให้คุณสมบัติไม่ผ่าน แล้วทำไมเรื่องนี้ หัวหน้าพรรคอย่างนายพิธาจะไม่รู้ พร้อมคอมเมนต์ด้วยว่า ไปๆ มาๆ คิดว่าแผนให้เกิดม็อบ เกิดความวุ่นวาย, หัวหน้าพรรคคนก่อน ลอกก็ยังตก..หัวหน้าคนนี้ บอกแล้วก็ยังพลาด, ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ได้ดำเนินการทางเอกสารด้วยตัวเอง, เค้าไม่ได้ต้องการเป็นนายกฯ อยู่แล้ว เค้าต้องการสร้างความแตกแยกในสังคม อาจจะเป็นทฤษฎีสมคบคิด วางกับดักตัวเองเพื่ออาศัยมวลชนให้เข้าใจว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งก็เป็นได้”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์โพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก เปาบุ้นจุ้น พร้อมภาพประกอบ โดยระบุว่า
“มันเป็นแผนเหนือชั้นของก้าวไกล เพื่อให้ถูกกฎหมายย่ำยี ให้ประชาชนรู้สึกว่า ถูกบดขยี้ด้วยนิติสงคราม สั่งสมความโกรธแค้นชนชั้นปกครอง จนแลนด์สไลด์ใน 4 ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก เปาบุ้นจุ้น แชร์โพสต์ภาพข่าวจากแนวหน้าออนไลน์ พร้อมความเห็นใน เฟซบุ๊ก ของ ต๊ะ นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ซึ่งระบุว่า
เราว่าพรรคก้าวไกลควรจะเปลี่ยนฝ่ายกฏหมายของพรรค (นี่เป็นความเห็นของปุถุชนธรรมดา ที่มองโลกตามความเป็นจริง) มองจากความผิดพลาด 2 เรื่องใหญ่ๆ
1) หัวหน้าพรรคสะดุดปมถือหุ้นสื่อทั้ง 2 คน
2) ไม่ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของคนที่รับมาเป็นบอดีการ์ดของหัวหน้าพรรค (เคยติดคุกคดีอุ้ม ปล้น รีดทรัพย์ + ปลอมเอกสารเป็นตำรวจ พ้นโทษมาเมื่อปี 2560)
ถ้าจะอ้างว่า บอดีการ์ดที่ชื่อ “ต้น” เป็นคนที่บริษัทรักษาความปลอดภัยส่งมา ข้ออ้างนี้เราว่าฟังไม่ขึ้น
เพราะการรับคนมาทำงานในตำแหน่งสำคัญ คือ อารักขาผู้นำของพรรคนั้น ฝ่ายกฏหมายของพรรคควรตรวจสอบด้วยตนเองอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เอาใครก็ได้ที่บริษัทฯ ส่งมา
ขนาดเราเองเจอทนายมีนิสัยประมาท ทำคดีไม่รอบคอบ เรายังตัดสินใจเปลี่ยนทนายทันที ไม่ต้องรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นก่อน
แม้ว่าจะจ่ายค่าทนายไปครบหมดแล้ว ตามใบแจ้งหนี้ที่ฝ่ายทนายส่งมา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขึ้นศาลเลย
เรื่องฝ่ายกฎหมายของพรรคที่ทำให้เกิดความเสียหายหลายครั้งหลายหนนี้ ผู้บริหารพรรคก้าวไกลควรตัดสินใจเปลี่ยนสักที
ก่อนจะเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนฝ่ายกฎหมายของพรรคก่อนเถอะ
ด้วยความหวังดีจากประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า
“รู้ว่าเรือรั่ว นอกจากไม่ช่วยกันอุดแล้ว
ยังไปทะเลาะกับคนที่จะมาช่วยอีก นอกจากนั้น ยังใช้เวลาที่เหลือน้อย
ไปโบกมือส่งยิ้มกับคนบนฝั่งด้วย พรรคพวกที่อยู่นอกเรือ
ก็ออกมาช่วยก่อกวนชาวบ้านไปตลอดริมคลอง
ดังนั้น อย่าไปโทษใครเลยครับ ถ้าเขาจะช่วยกันจับโยนออกมาจากเรือ”
ทั้งนี้ เนื่องมาจาก ก่อนหน้า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวบนเวที ปราศรัยที่พัทยา ระบุว่า ถ้าเรือรั่วต้องช่วยกันอุด ไม่ใช่ถีบเพื่อนออกจากเรือ