“เชาวฤทธิ์” หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ เสนอ “เพื่อไทย” รื้อเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม ชี้ ส่วนใหญ่เป็นนโยบายของ “ก้าวไกล” เปิดทางเต็มที่ดึงขั้วรัฐบาลเดิมร่วมงาน ชี้ เมื่อเปลี่ยนพรรคแกนนำก็ควรทำเอ็มโอยูใหม่
วันที่ 26 ก.ค.2566 เวลา 08.35 น ที่รัฐสภา นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้แก้ MOU 8 พรรคร่วม ว่า MOU ที่ทำกันครั้งแรกมี 23 ข้อ เพราะทั้ง 8 พรรคสนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ และส่วนใหญ่ทั้ง 23 ข้อ เป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลทั้งหมด แต่เมื่อพรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เอ็มโอยูเเดิมจึงใช้ไม่ได้ ต้องให้พรรคเพื่อไทยทำใหม่ แต่จะทำหรือไม่ก็แล้วแต่พรรคเพื่อไทย เพราะเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล จะไปเอาพรรคอื่นมาร่วม เพื่อให้ได้ถึง 375 เสียง หรือจะยึดใน 8 พรรคร่วมก็สามารถทำได้
เมื่อถามว่า การฉีก MOU เดิมและร่างใหม่จะกระทบความสัมพันธ์กับ 8 พรรคหรือไม่ นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่พรรคเพื่อไทย หากยึดร่างเดิมแล้วนำมาเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แล้วเอา 8 พรรคร่วมเดิมมาเป็นเหมือนแนวร่วมก็เหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนข้อความเท่านั้น แต่ที่ตนเสนอให้มีการแก้เพราะจากที่ตนได้อ่านทบทวนดู ใน MOU เดิมเนื้อหาเป็นของพรรคก้าวไกลทั้งหมด เมื่อส่งไม้ต่อก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยไปทำใหม่
เมื่อถามว่า จะมีการนำเรื่องนี้มาหารือในที่ประชุม 8 พรรคร่วมหรือไม่ นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า ก็จะนำไปหารือ
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าควรจะต้องดึงพรรคไหนมาร่วมเพื่อให้ได้ถึง 375 เสียง หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ กล่าวว่า อยู่ที่พรรคเพื่อไทย เพราะทั้ง 8 พรรคได้มอบอำนาจให้พรรคเพื่อไทย และเป็นผู้ประสานกับพรรคการเมืองอื่น และสมาชิกวุฒิสภา พวกเราไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเรามอบอำนาจให้พรรคเพื่อไทยไปหมดแล้ว พรรคเพื่อไทยก็ต้องไปไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคก้าวไกลมองว่าการเจรจาของพรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เมื่อวันที่ 22-23 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการยืมมือเพื่อนเพื่อผลักพรรคก้าวไกล นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยเชิญพรรคต่างขั้วมาเพื่อปรึกษาหาทางออก ซึ่งทั้ง 5 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ได้ให้คำแนะนำกับพรรค 8 พรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ว่า มีปัญหาอะไร และควรจะแก้ไขอย่างไร
