“ส.ว.สมชาย” บอก วุฒิสภา ไม่ขัดข้องเลื่อนโหวตนายกฯ รอบ 3 ชี้ จะเลื่อนหรือไม่ เป็นอำนาจประธานรัฐสภา หรือ รอฟังผลหารือของวิป 3 ฝ่ายก็ได้
วันนี้ (24 ก.ค.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ฐานะกรรมการประสานงาน วิปวุฒิ ให้สัมภาษณ์กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาขอให้วินิจฉัยกรณีที่ประชุมรัฐสภาลงมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เป็นเกณฑ์เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ที่ถูกตีตกซ้ำ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม เป็นการกระทบสิทธิและขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่าจะมีผลต่อการเลื่อนโหวตนายกฯ ตามที่นัดหมายวันที่ 27 กรกฎาคม นี้หรือไม่ ว่า ส.ว.ไม่ขัดข้องที่จะเลื่อนวาระเลือกนายกฯวันที่ 27 กรกฏาคมนี้ ออกไป เพราะตนเคยให้ความเห็นแล้วว่า การกำหนดวันประชุมรัฐสภา ในวันดังกล่าวอาจจะกระทบการปฏิบัติภารกิจของ ส.ส. และ ส.ว. ที่ต้องร่วมกิจกรรมในพื้นที่ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 10 ดังนั้น หากการโหวตหรือการพิจารณายืดเยื้ออาจจะกระทบการเดินทางได้ และหากจะเลื่อนตนมองว่า เลื่อนไปเล็กน้อย คือ วันที่ 3 สิงหาคม นัดประชุมใหม่ สามารถทำได้และไม่ล่าช้าเกินไป
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับการเลื่อนวาระนั้น ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 5 สามารถทำได้ โดยอำนาจของประธานรัฐสภา ซึ่งเคยใช้ในกรณีที่เคยมีการระบาดของโควิด-19 มาแล้ว เพราะมีเหตุให้เลื่อนได้ หรือหากประธานรัฐสภาไม่ใช้อำนาจ สามารถปรึกษาหารือกับวิป 3 ฝ่ายที่นัดประชุมวันที่ 26 กรกฎาคม นี้ก่อนได้
นายสมชาย กล่าวถึงกรณีที่คำร้องของผู้ตรวจการฯ ที่แนบให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดการเลือกนายกฯไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย ว่า เป็นเหตุที่จะทำให้เลื่อนการประชุมได้ แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา เช่น ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะนั้น การประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯ รอบ 2 ไม่ได้เลื่อนออกไป ดังนั้น หากเทียบเคียงการประชุมอาจจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าที่ศาลจะมีคำสั่งก็ได้ หรือจะใช้เป็นเหตุให้เลื่อนออกไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งก็ได้
“ในกระบวนการยื่นเรื่องนั้น ศาลรัฐธรรมนูญอาจรับเรื่องไว้พิจารณาสัปดาห์นี้ไม่ทัน และสัปดาห์หน้าตามการประชุมสัปดาห์ยังเป็นวันหยุดยาว ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญอาจพิจารณาในสัปดาห์ถัดไปก็ได้ และกระบวนการพิจารณาเป็นเรื่องทางกฎหมายอาจใช้เวลาพิจารณา 1 เดือน” นายสมชาย กล่าว.