“แกนนำพิราบขาว 2006” ร้อง ป.ป.ช.ตรวจสอบเอาผิด กกต.ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยเวลาไม่ส่งศาล รธน.ยุบเพื่อไทย กรณีปล่อย "ณัฐวุฒิ" ครอบงำพรรค
วันนี้ ( 24 ก.ค.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว2006 เยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ผ่านนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ขอให้ พิจารณาเอาผิด คณะกรรมการการเลือกตั้งในมาตรา 157 กรณีไม่ส่งคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 และมาตรา93 ซึ่งมีเหตุมาจากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ไม่ใช่สมาชิกครอบงำพรรคอาจมีพฤติกรรมฝ่าฝืน พ.ร.ป. มาตรา 28 และ 29 โดย กกต. ปล่อยเวลามาเนิ่นนานเกินกรอบระยะเวลาตามระบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรค การเมือง พ.ศ.2566 ประกาศ ณ.วันที่ 31 ม.ค.2566
นายนพรุจ กล่าวว่า ตนได้ยื่นให้ กกต.วันที่ 3 ก.พ.2566 และวันที่ 9 ก.พ. 2566 กกต.ได้เรียกตนเองให้เข้าให้ปากคำ และสอบถามถึงความคืบหน้ามาโดยตลอด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีมูลเหตุ และมีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมา จนวันนี้เข้าสู่เกือบ 6 เดือนแล้ว ซึ่งในกระบวนการสืบหาความจริงใช้เวลาเต็มที่ ไม่เกิน 120 วัน นี่คือการยืดเวลาเติมที่ จึงยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. เพราะกกต.ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ซึ่งเป็นการสื่อถึง กกต.ว่าเราเอาจริง หลังจากนี้จะไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง และฟ้องศาลอาญาทุจริตฯ ตามลำดับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนและพรรคการเมืองทุกพรรคต้องได้รับความเสมอภาค เท่าเทียมกัน พรรคต่างๆ กกต.ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วแต่พรรคเพื่อไทยปล่อยเนินนาน
"ระวังเหตุการณ์เก่าๆ ของ กกต. อยากเตือนให้รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญ หากเนิ่นนานไป มันจะเข้าข่ายความผิด ม.157 ซึ่งเมื่อดำเนินการถึงที่สุดแล้วจะไม่เป็นผลดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง เราอยากเป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรู "นายนพรุจ กล่าว
พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ นายณัฐวุฒิ ไม่สามารถไปช่วยกิจการงานของพรรคเพื่อไทยได้ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก ตนเองเคยเป็นผู้ต้องหาร่วมกับนายณัฐวุฒิ จึงรู้ดีว่าต้องคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว มีการต้องห้ามเรื่องการเป็นสมาชิกพรรคเป็นได้แค่กองเชียร์ห่างๆ เท่านั้น