“เรืองไกร” ร้อง “วันนอร์” จี้สอบ “พิธา” เป็นบุคคลตามรัฐธรรมนูญ ม.89 วรรคสอง เข้าข่ายการเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้นหรือไม่
วันนี้ (17 ก.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า กรณีที่ กกต.เห็นว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) จึงให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไปนั้น กรณีดังกล่าวย่อมส่งผลถึงนายพิธา ในฐานะเป็นบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งนั้ เป็นตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบกับในรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 วรรคสอง บัญญัติบังคับไว้ว่า “การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น”
จากกรณีดังกล่าวจึงมีเหตุต้องส่งหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อตรวจสอบตามหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้ จากกรณีที่สำนักงาน กกต.ได้ออกเอกสารเผยแพร่ ผลการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีการพิจารณาวาระสำคัญและมีมติ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวี มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) จึงให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไปนั้น ย่อมมีผลทำให้ นายพิธา เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 160(6) ตามมาด้วย ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติบังคับไว้แล้วว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นบุคคลผู้ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 วรรคสอง จึงบัญญัติบังคับตามมาว่า “การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น” จากผลของรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 วรรคสอง จึงต้องถือว่าไม่มีการเสนอชื่อนายพิธา ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามความในมาตรา 88 วรรคหนึ่ง เพื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบตามความในมาตรา 272