ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"พิธา" ไม่ไหวยังจะฝืน งานนี้พร้อมมั้ยกับราคาที่ต้องจ่าย!
คำพูดของ"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" "ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้" หลังพ่ายโหวตรอบแรกแบบยับเยิน ตามมาด้วยแถลงการณ์ชายเดี่ยว ถ้าแพ้โหวตครั้งที่ 2 ถึงจะยอมเปิดทางให้เพื่อไทย
นั่นหมายความว่า “พิธาและก้าวไกล” ยังไงๆ ก็จะขอดึงดันเข้าสู้สมรภูมิโหวตของส.ว.อีกครั้ง จะไม่ยอมเป็น "นายกทิพย์" ที่ตอนนี้ไม่เป็นก็ไม่ได้แล้ว
ท่าทีของพิธาและก้าวไกล ทำให้เพื่อไทยต้องออกมาเคลื่อนไหว!!
"ภูมิธรรม เวชยชัย" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกเป็นนัยๆ ว่า ที่ “พิธา” แถลงการณ์นั้นพูดเองเออเอง ใครไปตกลงด้วย เพราะเพื่อไทยและก้าวไกลยังไม่มีข้อสรุปตกลงกันว่าจะเสนอ "พิธา" เข้าสู่การโหวตรอบที่ 2 หรือไม่ จนกว่าจะประชุม 8พรรคร่วม เพื่อหารือกัน
ความนี้สะท้อน ความแก่วัดแก่วา แก่พรรษาการเมืองมากกว่าก้าวไกล ของเพื่อไทย จะทำอะไรต้องดูสถานการณ์กันหน่อย
ตอนนี้ ถามว่า จำนวนเสียงส.ว.ในสภาที่โหวตให้พิธา ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ? ไม่ว่าจะโหวตอีกกี่ครั้ง จะเอาที่เหลือมาจากไหนให้ได้พอชนะเป็นนายกฯ
แถมสถานการณ์นอกสภา บรรดาม็อบดอมส้มก็กดดันส.ว. ทั้งก่อคาร์ม็อบและใช้โซเชียลฯ จัดทัวร์ลงส.ว.
และคนรอบตัว ชักชวนแบนธุรกิจของส.ว. แล้วส.ว.ที่ไหนจะกลับใจมาลงคะแนนให้ ?
พูดง่ายๆว่า มีเวลาอีกหลายวัน เพื่อไทย ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเล่นเกมตามที่ก้าวไกลวางแผนน
อย่างน้อยการเสนอแก้ ม.272 ปิดสวิตช์ส.ว.เห็นชัดๆ ว่าทำไม่ได้ แต่เปิดประเด็นขึ้นมาเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อไทยก็ไม่เห็นด้วย
ประการสำคัญ การโหวต “พิธา” รอบ 2 มีความชอบธรรมหรือไม่? เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องถกเถียงกัน
“ส.ว.เสรี สุวรรณภานนท์” มองว่าการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากก้าวไกล ทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ถือว่าหมดสิทธิ์เสนออีก และต้องพิจารณาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองอื่น ที่มีสิทธิต่อไป
ด้วยเหตุผล การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาพิจารณา เข้าข่ายเป็นญัตติ และตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 กำหนดไว้ชัดเจนว่า ญัตติใดที่ตกไปแล้ว หรือรัฐสภาไม่เห็นชอบ ห้ามนำกลับมาเสนอใหม่
พูดง่ายๆว่า...โหวตแพ้แล้วจะเสนอให้มาโหวตอีก แบบนี้เลือกนายกรัฐมนตรีไม่ผ่านก็ไม่จบ
หากฝืนจะให้โหวตซ้ำ ไม่ว่ารอบสองจะชนะ หรือแพ้ น่าจะมี "นักร้อง" ยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปว่ากันยาวๆอีก ยุ่งไม่มีที่สิ้นสุด
ถามว่าจากนี้ไป จะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ก็มองไปที่โอกาสของพรรคเพื่อไทย แต่หากเพื่อไทยยังรวมกับก้าวไกล หรือให้ก้าวไกลอยู่ร่วม 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล “ส.ว.เสรี” ก็เชื่อว่า ที่ประชุมรัฐสภา จะไม่เห็นด้วย
เพราะฉะนั้นที่ “อ้วน-ภูมิธรรม” ออกมาส่งสัญญานด้วยคำพูด คือจะไม่ผลีผลามตามเกมก้าวไกล ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะหากเดินผิด ก็อาจจะพังทั้งกระดาน
เพื่อไทยต้องรู้อยู่แล้วว่า การปล่อยให้เสนอชื่อ “พิธา” อีกรอบในวันที่ 19 ก.ค. ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางผ่าน จะเกิดอะไรตามมา
เพราะเมื่อขั้ว 8 พรรค ดัน “พิธา”เป็นนายกไม่ได้ จัดตั้งรัฐบาลทำไม่สำเร็จสองรอบ บีบเพื่อไทยจะต้องเลือกว่าจะถือแต้มต่ออย่างไร ไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ
ขณะที่มองไปที่ “พิธาและก้าวไกล” สถานะชัดว่า กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง แม้จะมีพวกปลุกม็อบมากดดันส.ว.ช่วย แต่ก็ต้องแลกกับการถอย ม.112 ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการแลกคะแนนเสียง ก็ทำไม่ได้ซะแล้ว เพราะ “ด้อมส้ม” ไม่ยอม แถมขู่เอาไว้ว่า ถ้า “พิธา” ยอมถอยจะเท่ากลับ "ขุดหลุมฝังตัวเอง"
สรุปว่า งานนี้“พิธา” ไม่ไหวยังจะฝืน จะมีราคาที่ต้องจ่ายแน่นอนครับท่าน!!
**ดรามาบังเกิด Miss universe ก็มา กองประกวดจัดให้?! เปิดเวทีฟาดส.ว. ขอนายกฯต้องพิธา
การประกวด มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2023 มาถึงการเปิดตัว 54 สาวงาม ผู้เข้าประกวดอย่างเป็นทางการ หรือรอบ " key word"'
งานนี้นอกจากแนะนำตัวแล้วสาวงามผู้เข้าร่วมประกวดต้องตอบคำถาม เพื่อโชว์กึ๋น แสดงความเห็นตามคีย์เวิร์ด ที่ได้รับ ต่อคณะกรรมการ ภายในเวลาที่กำหนด 30 วินาที
ดูๆไปก็ไม่น่าจะมีอะไรเป็นดรามา เพราะตามธรรมเนียม รอบแบบนี้ใครตอบดี มีวิชั่น นอกจากความสวยที่เป็นทุนแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า สาวงามผู้นั้นมีสมองไม่เป็นสองรองใคร
เรียกว่า ความสวยมากับความเฉลียวฉลาด หาก "มงจะลง"
ก็จะถือว่าเป็นสาวงามที่เพียบพร้อม ส่งไปเป็นตัวแทนสาวไทยไม่อายชาวโลก
แต่พลันที่สาวงามหลายคนจับ "คีย์เวิร์ด" ได้คำถามเกี่ยวกับทัศนะคติต่อการเมือง เรื่องมันก็เลยกลายเป็นดรามาขึ้นมา!!
ฟังว่า สาวงามอย่าง MUT 15 “ญาศุมณ อรระเศรษฐัง” หรือ “จ๋อมแจ๋ม” จังหวัดนครพนม ตอบคำถามจากคณะกรรมการที่ถามถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ แต่ยังไม่ได้รับ ว่า สิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับแต่ยังไม่ได้รับ คือ การเป็นประชาธิปไตย เราควรได้นายกรัฐมนตรีที่เหมาะสม และคิดว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ควรได้รับการเป็นนายกฯ
ขณะที่ “กรรณิการ์ เสงี่ยมงาม” หรือ “พิ้งกี้” ตัวแทนจากลพบุรี ตอบคีย์เวิร์ดว่า เสียงทุกคนมีคุณค่า วันนี้อยากให้ทุกคน ร่วมส่งสารเพื่อเปลี่ยนใจส.ว. อนาคตของประเทศชาติอยู่ในมือของทุกคน
“ธัญญ์นภัส มงคล” หรือ “โบอิ้ง” จากสกลนคร จับได้คีย์เวิร์ดว่า “ผู้แทนราษฎร” เธอตอบว่า ผู้แทนราษฎรคือบุคคลที่ประชาชนเลือกเข้ามาในการเลือกนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นส.ว.ที่ไม่ได้ผ่านมาจากการเลือกตั้ง และไม่ได้ผ่านเสียงประชาชนเข้ามา พวกคุณควรฟังเสียงข้างมาก ว่าประชาชนเลือกใคร เพราะสังคมเราเป็นสังคม
แน่นอนว่า กองเชียร์ภายในสถานที่จัดงาน ส่งเสียงไชโยโห่ร้อง แต่สำหรับชาวเน็ตส่วนใหญ่ที่เห็นว่าการเมืองกับเวทีประกวดสาวงาม ไม่ควรจะมาอยู่ด้วยกัน
บ้างก็ว่ากองประกวดคิดอะไรอยู่ ผู้จัดเป็น “ด้อมส้ม” หรือเปล่า ตั้งใจจะยิงคำถามเพื่อคำตอบที่ต้องการกลายเป็นสร้างความขัดแย้งในสังคม
ขณะเดียวกันหลายคนก็เห็นว่า สาวงามไม่มีพื้นฐานความรู้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง กลายเป็นการด้อยค่าตัวเอง
เห็นๆกันอยู่แล้วว่า “พิธา” เป็น “นายกทิพย์” เพราะแพ้ภัยตัวเอง ก้าวไกลต้องการจะยกเลิก มาตรา 112 ส.ว.ในสภาจึงไม่ลงคะแนนเสียงให้
นี่ก็ไม่รู้เป็นอย่างไร พักหลังๆ กองประกวด หรือผู้จัดมักจะต้องการให้เวทีของตัวเองกลายเป็น "ดรามา" ที่สังคมพูดถึง โดยเชื่อว่า เป็นการโปรโมต ที่จะทำให้คนสนใจ
แทนที่"คีย์เวิร์ด" ถามคำถามแบบ "นางง๊ามนางงาม" ก็เปลี่ยนมาเป็นคำถามที่เชื่อมโยงกับการเมือง
เมื่อเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับสาวงาม พอ "คีย์เวิร์ด" โยงการเมือง สาวงามก็ว่าไปตามกระแส แล้วดรามาก็ตามมา สาวงามโดนด่ามากกว่าถูกชม สมใจผู้จัด และกองประกวด
งานนี้แฟนๆขาอ่อนฟังแล้วก็เพลียหัวใจ ขอร้องมา ขอเว้นเวทีประกวดสาวงามสักเวทีได้ไหม ที่ไม่ต้องโยงการเมือง
เรื่องดีๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับสังคมมีตั้งมากมาย เลือกที่เหมาะสมกับภาพลักษณ์นางงามเอาเป็นคีย์เวิร์ด ไม่ใช่จะไม่มี
คุณค่าที่คุณคู่ควร ไม่จำเป็นต้องโชว์โง่! แสดงทัศนคติทางการเมืองอันอ่อนด้อย ตามที่ผู้จัด และกองประกวดดีไซน์นะจ๊ะ
