“แก๊งตีนไก่เถื่อน” ปรับแผนหลัง “ตร.ชลบุรี” เอาจริง ทำไม่กล้าขนของส่งท่าเรือ ต้องระบายของในประเทศ “คนในวงการ” มองป๊าดเดียวรู้ใบรับรองปลอมชัวร์ อุกอาจยังใช้ลายเซ็นต์ “หมอคนเดิม” ทั้งที่เจ้าตัวแจ้งความไว้แล้ว หวั่น “พี่จีน” แบนสินค้าเกษตรไทย ทำเสียหายทั้งประเทศ แปลกแต่จริง “ปลัดเกษตรฯ-อธิบดีปศุสัตว์” ไร้แอ็คชั่นตั้ง กก.สอบ คงกลัวชนตอ “ไอ้โม่ง” ตัวจริง แบบนี้ต้องถึงมือ “ป.ป.ช.” เข้ามารื้อขยะใต้พรม
ผ่านมาร่วมเดือน ยังไร้ความคืบหน้า
กรณีตำรวจภูธร จ.ชลบุรี จับกุมรถบรรทุกลักลอบส่ง “ขาไก่” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ตีนไก่” ไปยังประเทศจีน
ทว่าก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกจากผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่าง “กรมปศุสัตว์” ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ล่าสุดสายข่าวระดับ “ซือเจ๊แห่งวงการตีนไก่” ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากการจับกุมของตำรวจเมืองชลฯ ที่นำโดย “ผกก.โจ” พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผู้กำกับการ สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี ทำให้ “แก๊งตีนไก่” ต้องปรับแผน เพราะไม่อยากเสี่ยงลักลอบขนสินค้าไปขึ้นเรือส่งออกเหมือนเคย
ชาวแก๊งเลยต้องผันตัวเป็น “พ่อค้าออนไลน์” โพสต์ขาย “ตีนไก่” ผ่านเฟซบุ๊ก เปิดตลาดในประเทศ เพื่อหวัง “ระบายของ” ออก
ตามไปส่องดูโพสต์ที่ขายกันอย่างโจ๋งครึ้ม คนทั่วไปดูผิวเผินก็คิดว่าของดี-ของถูกกฎหมาย แต่ “คนในวงการ” มองป๊าดเดียวก็รู้เลยว่า “กลิ่นไม่ดี” โดยเฉพาะ “สลาก” ที่คุ้นตาว่าเป็นเครือเดียวกับสินค้าลอตที่โดนตำรวจรวบก่อนเข้าท่าเรือแหลมฉบัง
แถมใบ HC หรือใบสุขอนามัยสินค้า ที่ออกโดย กรมปศุสัตว์ โดยมี “หมอปศุสัตว์” เป็นคนเซ็นกำกับ แต่พบว่า “เจ้าของลายเซ็นต์” ยังคงเป็น “หมอคนเดิม” ที่เคยไปแจ้งความว่าไม่ได้เป็นผู้ลงนามใบ HC ส้นค้าลอตที่ถูกตำรวจเมืองชลฯจับกุม
ทั้งยังมีข้อมูลด้วยว่า “หมอปศุสัตว์คนนี้” ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในห้อง HC เกินกว่า 2 ปี ซึ่งตามระเบียบแล้วไม่สามารถลงนามในใบรับรองได้ รวมไปถึง “ข้อเท็จจริง” ที่ว่า วันที่ลงนามในเอกสารนั้น “เจ้าของลายเซ็นต์” ไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในห้อง HC เพราะอยู่ต่างจังหวัด
การที่ขบวนการนี้ยังคง “ลายเซ็นต์เดิม” ทั้งที่เพิ่งถูกจับกุม แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เกรงกลัวต่อการถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
คำถามมีว่า เหตุใดใบ HC ถึงต้องเจาะจงเป็น “หมอคนนี้” เพราะรายชื่อผู้ที่สามารถเซ็นได้นั้นมีหลายคน แต่กลับเจาะจงให้ “หมอคนนี้” กลายเป็น “ผู้รับผิด” หรือไม่
สายข่าวได้ส่งใบ HC ของตู้คอนเทนเนอร์ขน “ขาไก่” ที่เข้าจีนไปแล้ว พร้อมด้วยใบ HC ของโรงงาน EST 160 ที่เคยเข้าไปจีนแล้วเช่นกัน พบว่า “ชิปเปอร์” หรือผู้นำเข้าของประเทศจีน เป็นกลุ่มเดียวกันกับขบวนการสวมของ “เบรทาโก”
การกระทำเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อทั้ง “ภาครัฐ-เอกชน” เป็นวงกว้าง เพราะ “ทางการจีน” รู้เรื่องการ “สวมสิทธิ์” ส่งออกแล้ว และอยู่ในระหว่างตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่า สินค้าจากไทยถูกสวมสิทธิ์ และขั้นตอนการตรวจสอบมีการปลอมแปลงเอกสารรับรองคุณภาพสินค้า ไม่เพียงแต่จะ “แบน” สินค้าประเภทไก่ของไทย แต่อาจจะรุกลามถึงขั้นแบนสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ทั้งหมดไปยังประเทศจีนด้วย
ส่งผลให้ตัวเลขจากการส่งออกสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทย จะกลายเป็นศูนย์ทันที และจะกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ในวงกว้าง
ถามว่าที่ “กรมปศุสัตว์” เคยออกมาคุยโวว่ายอดการส่งออก “ตีนไก่” ในปีนี้โตขึ้น 100% นั้นยอดส่งออกมาจากประเทศไหน และยอดที่เพิ่มขึ้นนั้นไปอยู่ที่โรงงานไหน
สำคัญยังย้อนแย้งกับตัวเลข “ลูกไก่” ในประเทศที่ลดลง แต่กลับมีปริมาณส่งออก “ตีนไก่” เพิ่มเป็นเท่าตัว
จนอดแปลกใจไม่ได้ว่าไปเอา “ไก่” ที่ไหนมาเชือด หรือมีวิวัฒนาการใหม่ เพราะเลี้ยงได้เฉพาะ “ตีนไก่”
แน่นอนหากยอดส่งออกของประเทศโตขึ้นจริง ถือเป็นประโยชน์ เพราะ “กรมสรรพากร” จะได้จัดเก็บภาษีเป็นรายได้เข้ารัฐ แต่สิ่งที่กังวลจะเป็น “ตู้สวมสิทธิ์” โดยที่โรงงานที่ถูกสวมสิทธิ์รู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่คงไม่มีการเสียภาษีเป็นแน่
ภาษีรั่วไหล ประเทศชาติเสียประโยชน์ แต่แว่วว่า “แก๊งขาใหญ่กระทรวงเกษตรฯ” เก็บเงินกันตุงกระเป๋าเลยทีเดียว
เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ แต่ทั้ง “ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์-อธิบดีกรมปศุสัตว์” กลับอยู่ในอาการ “ตีนลอย” เหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น ยังคงไม่มีแอ็คชั่นใดๆออกมา
ทั้งที่เมื่อมีความไม่ชอบมาพากลแบบนี้ “ขั้นเบสิก” ควรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่า เอกสารต่างๆเกี่ยวกับการว่งสินค้าไปประเทศจีน ที่ต้องขออนุญาตหลายขั้นตอนออกมาได้อย่างไร มีข้าราชการเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
เรื่องพรรค์นี้ “เอกชน” ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ต้องมี “ข้าราชการ” รู้เห็นเป็นใจ ช่วยเปิด “ไฟเขียว” ตลอดทางจึงฉลุยแบบไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน ไม่ไว้หน้าคู่ค้ารายใหญ่อย่างประเทศจีน
ถ้า “กระทรวงเกษตรฯ” ผู้รับผิดชอบไม่ขยับ คงต้องหันไปพึ่ง “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)” เข้ามารื้อ “ขยะใต้พรม” ว่า มี “ฝ่ายราชการ-ฝ่ายการเมือง” คนไหนเกี่ยวข้องบ้างหรือไม่
แล้วก็ต้องวาน ป.ป.ช.ดูด้วยว่าที่ “ปลัดเกษตรฯ-อธิบดีปศุสัตว์” เพิกเฉยไม่ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หวยออก “157” หรือไม่
ได้ยินคนซุบซิบกระหึ่มว่า ที่ไม่มีแอ็คชั่นตั้งสอบอะไรเลย เพราะกลัวสอบไปจะไปชน “ตอ” รู้ความจริงว่า “ไอ้โม่ง” คือใคร?