หรือใครเถียง? “สมศักดิ์ เจียม” ฟันธง “เพื่อไทย” ตัดสินใจอย่างไร อยู่ที่ “ทักษิณ” ชี้ “ก้าวไกล” พลาดที่คิดสั้น หวังร่วมรัฐบาล จึงเผชิญยุบพรรค “จตุพร” แนะเสนอ “เศรษฐา” นายกฯ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จับขั้วเหนียวแน่น ยุติ “นองเลือด”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ก.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี ม.112 ลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์ข้อความระบุว่า
“เพื่อไทยตัดสินใจอย่างไร อยู่ที่ทักษิณ
ถ้าจะให้ดี โทรคุยเลย คุณจะเอาอย่างไร?
หรือใครเถียงว่าไม่จริง? ใครจะเถียงว่าคนอื่นๆ ในพรรคเป็นคนตัดสิน?”
ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul โพสต์ว่า
“ผมฟังพิธาพูดแล้ว เกิดนึกขึ้นมาว่า ความจริงตอนที่เขาพาลป๊อกว่า “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” แล้วครั้งแรกป๊อกทำท่าจะตอบโต้ แต่ก็หยุดไปนั้น #เป็นความผิดพลาด น่าจะถกเถียงให้รู้แล้วรู้รอด (แต่ป๊อกเป็นยังไงนี่ผมก็ไม่รู้นะ หลังๆ เขาอาจจะกลับใจจริงก็ได้)
“ถ้าไม่สำเร็จ เราเปิดทางให้ เพื่อไทย”
#ไม่สำเร็จแน่ๆ #เพราะฉะนั้นก็เหลือให้เพื่อไทย แต่เพื่อไทยเขาจะเอาคุณไว้หรือ? เขาหาเหตุผลมาอ้างได้สารพัด
สรุปว่า ห่วยแตก เละเป็น...”
รวมถึง ก่อนหน้านั้นไม่นาน เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ก็ได้โพสต์เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ว่า
“ความจริงกลุ่มนำก้าวไกลปัจจุบัน คิดว่าโดยการเอาการแก้ 112 (ภายหลังเพิ่มการนิรโทษกรรมด้วย) #ไปไว้เป็นสิ่งก้าวไกลจะทำเอง แล้วเอาเรื่องกว้างๆ ที่จะทำร่วมกับพรรคอื่นเท่านั้น จะทำให้มีโอกาสได้เข้าร่วมรัฐบาล (ตอนแรกไม่คิดว่าจะมาที่หนึ่ง) ก่อนเลือกตั้งก็ประกาศชัดว่า “ไม่มีแก้ 112” ในการร่วมกับคนอื่น
#การตัดสินใจเช่นนี้ เป็นความผิดพลาด แน่นอน คนที่เชียร์ก็อยากเห็นเข้าร่วมรัฐบาล ยิ่งพอได้ที่หนึ่ง ยิ่งอยากเป็นรัฐบาล แต่กลุ่มนำย่อมไม่กล้าทิ้งการแก้ 112 เพราะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ได้เสียงสนับสนุน เรื่องก็เลยคาราคาซัง แต่อีกฝ่ายนั้น ถือเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และมุ่งโจมตีเรื่องนี้
ความจริง แทนที่จะ “เก็บ” การแก้ 112 การนิรโทษกรรม และการตรวจสอบสถาบันฯไว้ #ควรจะชูขึ้นหน้าเลย แล้วประกาศว่า ใครอยากร่วมกับเราเชิญมาทางนี้
บรรดาพรรคทั้งหลายย่อมปอดแหกไม่กล้ามา #รวมทั้งเพื่อไทยด้วย นี่จะเป็นการขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนแต่แรก
นี่จะเป็นการปูทางสู่อนาคตที่ถูกต้อง แต่แน่นอนว่า จะหวังในปัจจุบันไม่ได้
ขณะนี้ ด้วยการ “คิดสั้น” ทำให้ก้าวไกลกำลังจะเผชิญกับการยุบพรรค และโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา”
ขณะเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 ตอน “ควันหลงการเมืองไทย” โดยเสนอให้พรรคก้าวไกลเปิดทางหนุน นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เป็นนายกฯ เพื่อกอดคอกันแน่นไม่ทิ้งกัน และที่สำคัญสามารถยุติการชุมนุมนองเลือดบนถนน
นายจตุพร เห็นว่า พรรคก้าวไกล เสนอแก้ รธน. 2560 ในบทเฉพาะกาล ม.272 นั้น ต้องเจอสองด่านใหญ่ คือ ได้เสียง 20% จากพรรคที่ไม่ได้เป็น ครม. ประธานสภา และรองประธานสภา พ่วงกับเสียง ส.ว.อีก 84 เสีย งให้ความเห็นชอบด้วยจึงจะสำเร็จ
ส่วนการนัดโหวตนายกฯ รอบสองในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันพุธที่ ศาล รธน.ต้องประชุมกันปกติ และในวันนี้อาจจะพิจารณาคำร้องคุณสมบัติสมัคร ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หากศาลรับคำร้องและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แล้วถูกเชิญออกจากห้องประชุมสภา จึงไม่เป็นคุณกับนายพิธาเลย
“การโหวตนายกฯ ในวันที่ 19 ก.ค.จะเป็นทุกขลาภ และ ส.ว. 13 เสียง ที่เคยโหวตให้นายพิธา จะอยู่ครบหรือไม่ หากหวังว่าจะมี ส.ว.มาเพิ่มเติม ยิ่งเป็นการคิดผิดที่สุด ดังนั้น การแก้ รธน.ม.272 จึงเป็นปฏิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ และผลลัพธ์ย่อมออกมาโดย ส.ว.ไม่ยอมให้ผ่านอยู่ดี เหมือนที่เคยยื่นมาแล้ว 6 ครั้ง”
นายจตุพร ย้ำว่า การแก้ ม.272 จึงเป็นหนทางตามที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ให้ความเห็นไว้ คือ เป็นประตูให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านนั่นเอง
“สิ่งที่สำคัญ หากเพื่อไทยสลับขั้ว และก้าวไกล เป็นฝ่ายค้าน จะเกิดการชุมนุมนองเลือด ดังนั้น ข้อเสนอให้ นายเศรษฐา เป็นนายกฯ เท่ากับเป็นการยุติการนองเลือด แล้วยุติสงครามทั้งปวง และบ้านเมืองก็ไม่ถึงทางตัน อีกอย่างเมื่อ 312 เสียงแยกจากกันไม่ได้ ฝ่าย 188 เสียง ก็ไม่กล้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย”
นายจตุพร เสนอด้วยว่า เมื่อเพื่อไทยมัดแน่นกับก้าวไกล จะเกิดการเรียกร้องของประชาชนให้ตั้งรัฐบาลของประชาชนขึ้นมา เพื่อฝ่าทางตันของบ้านเมือง ซึ่งมีเพียงแนวทางนี้เท่านั้นจึงจะนับหนึ่งประเทศได้