รองโฆษกรัฐบาล ย้ำรัฐบาลตระหนักความสำคัญและเปิดโอกาสสิทธิและการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน ส่งเสริมการเข้าถึงบริการรอบด้าน ชูผลงาน ศธ.ยกเลิกระเบียบการไว้ทรงผม จุดเริ่มต้นให้เด็กมีส่วนร่วม
วันนี้ (7ก.ค.) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในการส่งเสริมสิทธิพลเมืองในสถานศึกษา ที่โรงเรียนมัธยมวัดดาวคนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ด้วยรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญและส่งเสริมการพัฒนาการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน ส่งเสริมสิทธิพลเมืองในสถานศึกษา เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ความเข้าใจและนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง เพื่อนนักเรียน ครอบครัว ต่อชุมชนและประเทศชาติ เนื่องจากเรื่องสิทธิและหน้าที่พลเมืองนั้นไม่จำกัดเฉพาะในความเป็นเด็กและเยาวชนที่ต้องเรียนรู้ เนื่องจากเด็กและเยาวชนในวันนี้ ย่อมจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสังคม สามารถนำความรู้และความเข้าใจนี้ต่อยอดไปในอนาคตด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเราทุกคน
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โอกาสนี้ยังได้บรรยายพิเศษ หัวข้อ “รัฐบาลกับสิทธิเด็กและเยาวชน” ตอนหนึ่ง โดยชี้ให้เห็นความจำเป็นและความสำคัญของที่รัฐบาลในการช่วยดูแลคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชน ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมหลักการสำคัญคือ การไม่เลือกปฏิบัติ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก โดยมีเนื้อหา 4 ด้าน ได้แก่
(1) สิทธิในการมีชีวิตอยู่รอด
(2) สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง
(3) สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา และ
(4) สิทธิในการมีส่วนร่วม
ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กแต่ละคนเกิดมาในครอบครัวที่แตกต่างกัน รัฐบาลจึงได้เข้าไปดูแลสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานที่มีคุณภาพได้เช่น การศึกษา บริการด้านสุขภาพและการได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยได้พัฒนามาเป็นลำดับ มีทั้งการให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี และการให้เงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี และรัฐบาลยังส่งเสริมสิทธิด้านการศึกษาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยรัฐต้องดําเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปีตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และรัฐยังดูแลสวัสดิภาพเด็ก คุ้มครองสิทธิเด็กตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในส่วนการมีส่วนร่วม ขอยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดและเร็ว คือได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนโดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานสถานศึกษาและให้มีความเหมาะสมกับสภาวะการณ์ปัจจุบันและการปฏิบัติตนของนักเรียนเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยกำหนดไว้ 2 แนวทางเรื่องการไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และสถานศึกษาในกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามพันธกิจ บริบทและความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา
“สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาในกำกับดูแล อาจดำเนินการกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนก็ได้ โดยการวางระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษาและควรระบุบทอาศัยอำนาจของกฎหมาย และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือผู้แทนผู้ปกครองเป็นต้น ตรงนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีส่วนร่วมที่ดี ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการต่างๆ เพื่อให้ให้เด็กและเยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป” น.ส. ทิพานัน กล่าว