รองนายกฯ ชู "วันนอร์" เป็นผู้มากประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ ไม่มีเรื่องด่างพร้อย เชื่อทำสภาเรียยร้อยได้ เทียบยุค "อุทัย" มีแค่ 3 เสียง แต่เมื่อพรรคใหญ่ตกลงกันไม่ได้ก็ต้องมีคนกลาง อีกทั้งต้องลาออกจากหน.พรรคตามกม. ชี้ปกติชงชื่อแข่งรองปธ.
วันนี้ (4ก.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 4 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นหลังสภาโหวตให้นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีบทเรียนทางการเมืองอะไร เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ที่หมุนไปหมุนมาซ้ำรอยกัน เพราะเมื่อพรรคการเมืองที่เป็นพรรคใหญ่ไม่สามารถตกลงกันได้ก็ต้องเสนอทางออก เหมือนสมัยก่อนที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน นั่งเป็นประธานสภาแม้จะมีเพียง 3 เสียง แต่ทุกพรรคการเมืองจะต้องมีความไว้วางใจ ซึ่งวันเดียวกันนี้ก็เห็นได้ชัดว่านอกจากพรรคที่มีเสียลมากคือพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยจะไส้ใจแล้ว พรรคการเมืองในซีกรัฐบาลปัจจุบัน 188 เสียงก็ไม่เสนอใครขึ้นไปแข่งขัน ก็แสดงว่าไว้ใจนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา อีกทั้งได้ฟังเสียงจากผู้ใหญ่รุ่นเก่าในสภา อย่างนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยังชมว่านายวันมูหะมัด นอร์ ฯ มีบุคลิก มีความรู้ มีความสามารถมีความเพียงพอ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะบริหารสภาฯไปได้ ด้วยความราบรื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรในการเสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นคู่แข่ง ชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง อย่างไม่คาดคิด นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาเมื่อมีการเสนอชื่อชิงอย่างนี้ก็ต้องมีการโหวต และก็ต้องแสดงวิสัยทัศน์ก่อนที่จะโหวตลงคะแนนลับ
เมื่อถามว่าหากอ่านเกมแล้วเป็นการสะท้อนคะแนนเสียงของรัฐบาลและพรรคร่วมที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นการสะท้อนตรงนี้เท่านั้นว่าฝ่ายรัฐบาลซึ่งจะชนะหรือไม่ชนะไม่สำคัญแต่ถือว่าได้มีการแข่งขันกันเท่านั้น หลังจากนี้ก็ต้องไปดูในตำแหน่งรองประธานสภาคนที่สองว่าจะมีการเสนอชื่อแข่งขันกันอีกหรือไม่
“ มองเรื่องการเสนอชื่อเพื่อชิงตำแหน่งรองประธานสภาเป็นเรื่องปกติธรรมดาซึ่งโดยปกติถ้าหากตำแหน่งประธานสภามีการแข่งขันก็ต้องมีการลงคะแนนลับไปจนถึงค่ำมืด แต่ครั้งนี้คาดว่าคงไม่ถึงกับค่ำเพราะในส่วนของประธานสภาเรียบร้อยไปแล้ว”นายวิษณุกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองกันว่าเป็นการสกัดพรรคก้าวไกลในทุกตำแหน่ง นายวิษณุ กล่าวว่าส่วนตัวคิดว่า ไม่ใช่ ซึ่งก็ต้องไปดูว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย มีข้อตกลงกันอย่างไรซึ่งเราไม่รู้ เพราะแค่สองพรรคก็เกือบจะถึง 300 เสียงอยู่แล้ว ถ้าเขาแพ็คกันได้ตามนั้น การโหวตตำแหน่งประธานสภาคนที่หนึ่งและสองก็คงจะออกมาตามที่พรรคเสียงข้างมากต้องการ
“ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่านายวันมูฮัมหมัดนอร์ฯ จะสามารถควบคุมให้สภามีความเรียบร้อยได้ เพราะท่านเป็นรัฐมนตรีมาหลายสมัยผมเองก็เคยทำงานกับท่านสมัยที่เป็นรัฐมนตรีอีกทั้งท่านก็เคยเป็นอดีตประธานสภาไม่เคยมีข้อมูลหมองหรือด่างพร้อยอะไรในส่วนของความเป็นกลางท่านก็มีพอสมควรอยู่แล้วเพียงแต่ท่านต้องลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ เพราะตำแหน่งประธานสภาจะเป็นกรรมการบริหารพรรคไม่ได้ซึ่งก็เป็นขั้นตอนตามปกติธรรมดา” นายวิษณุกล่าว