รองโฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลย้ำความสำคัญของการเข้าถึงสิทธิ และการบริการขั้นพื้นฐานต่าง ๆ จากรัฐอย่างเท่าเทียม เดินหน้าโครงการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ช่วยเหลือคนไทยที่มีสถานะตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์แล้วกว่า 2,000 คน
วันนี้ (28 มิ.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาสถานะและสิทธิของคนไทยที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงสิทธิ เสรีภาพและการบริการขั้นพื้นฐานต่าง ๆ จากรัฐอย่างเท่าเทียม จึงได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่มีสถานะตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์มาอย่างต่อเนื่อง
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดโครงการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อช่วยเหลือคนไทยในมาเลเซียที่มีสถานะตกหล่นทางทะเบียนราษฎร์ อาทิ ในรัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน ที่มีพรมแดนติดกับไทย เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ได้รับสัญชาติไทย ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าถึงสวัสดิการและบริการภาครัฐต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป
โดยโครงการดังกล่าวเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2560 ที่เมืองโกตาบารู เนื่องจากพบว่าในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ รวมถึงมีคนไทยไร้สัญชาติหรือไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ ได้เข้าไปอาศัยเพื่อประกอบอาชีพในมาเลเซีย จึงทำให้บุคคลเหล่านี้เกิดปัญหาในเรื่องของคุณภาพชีวิต การศึกษา การรักษาพยาบาล และสิทธิต่าง ๆ โดยหากผลการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) ความสัมพันธ์ทางสายโลหิตตรงกัน ก็ถือว่าถูกต้องตามหลักการพิสูจน์ ก็จะได้รับการเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านและมีบัตรประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ ภายในระยะเวลากว่า 5 ปีที่ดำเนินโครงการ มีคนไทยไม่มีสถานะขอเข้ารับการตรวจสารพันธุกรรมแล้วมากกว่า 2,000 คน
“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงสิทธิ เสรีภาพและการบริการขั้นพื้นฐาน ต้องการดูแลสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทยทุกคน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงได้สั่งการ ดำเนินการแก้ไขปัญหา คนไร้สัญชาติหรือไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์มาอย่างต่อเนื่อง” นางสาวรัชดาฯ กล่าว