ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ทีมเมียหลวงกดไลค์!! เคส “หนุ่มกะลา”ภรรยาฟ้องเรียก 10 ล้านกับ “มือที่สาม” ได้ “ทนายชายพัฒน์” โปรไฟล์มือหนึ่งฟ้องชู้สู้ให้
เกาะกระแสดรามา กรณีนักร้องหนุ่ม “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ไลฟ์สดยอมรับว่าแยกกันอยู่กับ “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” ภรรยามา 2 ปีแล้ว และเตรียมจะหย่ากันสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ โดยก่อนหน้ามีข่าวแพร่สะพัด บอกใบ้ที่ว่า...นักร้องเสียงนุ่ม นักร้องซอฟต์ร็อก ภาพอบอุ่น รักลูกรักเมีย พาแฟนคลับที่เลื่อนระดับเป็นเมียน้อยไปเที่ยวต่างประเทศ ซ้ำรอยที่พาภรรยาและครอบครัวไปเที่ยวมา แถมตอนคอนเสิร์ตใหญ่ก็พาเมียน้อยไปด้วย เมียหลวงรู้ จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์...
ความเคลื่อนไหวล่าสุด ชาวเน็ตยังคงเข้ามาแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจ “จูน เพ็ญชุลี” บนสื่อโซเชียลต่างๆ โดยแห่สมัครอยู่ข้าง “ทีมเมียหลวง” ล้นหลาม พร้อมๆ กับคนดัง-ดารา-นักแสดง ออกมาให้ความเห็นกรณีนี้ด้วย เช่น “ใหม่ สุคนธวา” ร่วมด้วยช่วยฟาดว่า “ขอโทษทุกคน (รอบตัว) โดยเฉพาะ FC ที่ทำให้ผิดหวัง แต่ลืมขอโทษภรรยาไปหรือเปล่า? ที่ทำให้ภรรยาเสียเวลาไปทั้งชีวิต! 27 ปี ไม่เห็นมีคำไหนขอโทษภรรยาเลย”
ขณะเดียวกัน มีประเด็นว่า “แม่จูน” ภรรยาหนุ่ม กะลา มอบหมาย “ทนายชายพัฒน์” ฟ้อง “บุคคลที่3” เรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท ยิ่งเรียกเสียงเชียร์จากทีมเมียหลวงมากขึ้น
โดยทนายชายพัฒน์ คอนเฟิร์มผ่านคลิปในติ๊กต๊อกตัวเองว่า "ขอออกหนังสือเรียกค่าเสียหาย จากเมียน้อยคนรวยจำนวน 10 ล้านบาท ให้เวลา 3 วันก่อนนะ ถ้าไม่จ่ายฟ้องจ้า ให้โอกาสตามลำดับ!!"
เหตุผลในการฟ้อง “บุคคลที่3” ของครอบครัวครั้งนี้ของจูน ได้ปรึกษาทนาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา ถึงเรื่องบุคคลที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ โดยอยากใช้สิทธิ์ตามกฎหมายของตัวเอง โดยฟ้องร้องจำนวน 10 ล้านบาทดังกล่าว แม่จูน ไม่ได้ฟ้องเพราะต้องการจะรวยจากเคสแบบนี้ เพียงแต่อยากรักษาความจริง ที่นิ่งและเงียบมาตลอด ไม่ใช่ว่ายอม ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต้องยอม อยากฟ้องเพื่อรักษาศักดิ์ศรี และความยุติธรรม
ทนาย ยังบอกว่า เรื่องสามีนอกใจ จูนทราบมานานพอสมควร แต่พยานหลักฐานไม่มากพอ และพยายามรักษาครอบครัวเอาไว้ เผื่อว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม จนสุดท้ายทนไม่ไหว จึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น
เรื่องที่ว่านี้ ทนายขยายความว่า เป็นเพราะ “มือที่สาม” อยู่ไม่เป็น และพยายามเปิดตัวเองจนเรื่องดังขึ้นมา เจอเอฟซีเปย์ เปย์ไป เปย์มา แพ้อำนาจเงิน หลงเงิน จนลืมครอบครัวและเมียที่อยู่เคียงข้าง
กล่าวถึง “มือที่สาม” นักสืบโซเชียลฯ ทีมเมียหลวงก็ไปล้วงแคะแกะเกา ได้ความว่า สาวปริศนา FC สายเปย์ของ “หนุ่ม กะลา”โปรไฟล์ไม่ธรรมดาเป็นถึงเจ้าของแบรนด์ความงามดัง
ว่ากันว่า ในงานคอนเสิร์ตของ “หนุ่ม กะลา” เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2565 สาวคนนี้ขโมยซีน “จูน”ภรรยา ที่อุ้มลูกมาแสดงความยินดีหน้าเวที โดยหอบของขวัญพร้อมติดเงินปึกใหญ่ คาดว่า มูลค่าหลายแสนบาท มามอบให้นักร้องหนุ่มบนเวที
เรียกว่า โชว์รวย พร้อมเปย์นักร้องไม่อั้น ว่ากันอย่างนั้น
มาถึงตรงนี้ เมื่อภรรยาหนุ่มกะลาลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีด้วยการฟ้องสาวสายเปย์ ทำให้ทีมเมียหลวงกดไลค์ให้รัวๆ แต่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูชื่อของ “ทนายชายพัฒน์” ถามไถ่กันว่า โปรไฟล์เป็นใคร ยังไง?
“ทนายชายพัฒน์” หรือ ทนายพัฒน์ มีชื่อจริงว่า “อนุสรณ์ อะสุระพงษ์” เป็นทนายความหนุ่มอายุ 33 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เนติบัณฑิตไทย สมัยที่ 65 และเป็นทนายความรุ่น 36 โดยหลังจากจบการศึกษาและสั่งสมประสบการณ์ในอาชีพทนายความมาได้พอสมควรก็ได้จดทะเบียนบริษัทว่าความ บริษัท ชายพัฒน์ อินเตอร์ ลอว์ จำกัด เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
ว่ากันว่า“ทนายชายพัฒน์” เป็นมือหนึ่งเรื่องฟ้องชู้ เพราะว่าความคดีเกี่ยวกับสามีภรรยาไม่เป็นสองรองใคร จากที่มีประสบการณ์ในแวดวงกฎหมายมากว่า 11 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับปัญหาครอบครัว เช่น คดีฟ้องชู้
ตามข้อมูลยังระบุอีกว่า ทนายชายพัฒน์ เคยเป็นทนายอาสาให้กับเมียหลวงในคดีฟ้องหย่าหลาย ๆ คดี
เจ้าตัวยังมีวลีเด็ดที่โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กว่า "ไม่รับจ้างเมียน้อย ไม่สนเงินชู้" บ่งบอกอยู่ทีมเมียหลวง100%
งานนี้บรรดาชาวเน็ตทีมเมียหลวง ต่างลงความเห็น “แม่จูน” เลือกทนายได้ถูกคนมาก... บางคนถึงกับเชื่อว่า คนที่ถูกฟ้องจะงามไส้ไปนาน ไปไหนคนก็แบบ อ่อ...อีนี่น่ะเหรอ ที่ใช้เงิน 10 ล้านซื้อผัวคนอื่น...ยกที่ 1 เริ่ม!
**เปิดไทม์ไลน์ เลือกประธานสภาฯ 6 ก.ค. โหวตนายกฯ 13 ก.ค. แต่จะได้รัฐบาลชุดใหม่เมื่อไร ยังเป็นคำถาม?
หลังจาก กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน เป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ในจำนวนส.ส.เขต 400 คนนั้น มีส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียน 318 คน มีเรื่องร้องเรียน 82 คน ซึ่งอาจถูก “สอย”ในภายหลังได้
ช่วงวันที่ 20-24 มิ.ย. ทางกกต.ได้เปิดให้ ส.ส.มารับหนังสือรับรอง เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) เป็นวันแรก และ ส.ส.คนแรกที่มารับหนังสือรับรองคือ “นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์” ส.ส.เขต 9 อุบลราชธานี จากพรรคไทยสร้างไทย บอกว่าดีใจ และตื่นเต้นมาก เพราะเป็นส.ส.สมัยแรก ที่ผ่านมาก็ได้แต่เป็น ส.จ. มาตลอด 19 ปี ครั้งนี้จะทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนให้ดีที่สุด
จากนั้นก็มี ส.ส.ทยอยมา อาทิ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ มารับหนังสือรับรองของตัวเอง และรับมอบอำนาจจาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้มารับแทน เนื่องจากติดประชุมครม.
นอกจากนี้ก็ยังมี นายกรวีร์ และ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากพรรคประชาชาติ ... ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายสุชาติ ตันเจริญ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้มอบอำนาจให้ผู้แทนมารับหนังสือรับรองแทนเช่นกัน... ส่วนบางคนที่ยังไม่มา อาจเป็นเพราะรอฤกษ์งามยามดี
สรุปในวันแรก มีส.ส.ที่มารับหนังสือรับรองไปแล้ว 92 คน เป็นส.ส.เขต 78 คน และส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์14 คน
ส่วนที่รัฐสภา ก็มีการเปิดให้ส.ส.มารายงานตัว หลังจากที่รับหนังสือรับรองมาแล้ว โดยในวันแรกนี้ มีผู้มารายงานตัว 31 คน คนแรกที่มารายงานตัว คือ “นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ” ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ที่ได้กลับมาเป็นส.ส.อีกครั้งในรอบเกือบ 20 ปี ย่อมมีทั้งความตื่นเต้น ดีใจ และภูมิใจ
ไฮไลต์ของวันนี้ อยู่ที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.สมัยแรก เช่นกัน ซึ่ง “ลุงป้อม”เผยความรู้สึกว่า ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะเคยเป็นสมาชิกรัฐสภาเมื่อปี 2551มาแล้ว จึงมีความคุ้นเคยดี ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงกระแสข่าวที่ว่า พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอชื่อบุคคลชิงตำแหน่งประธานสภาฯด้วย “ลุงป้อม” ก็ตอบสั้นๆว่า “ไม่รู้” เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่ว่า มีชื่อ “ลุงป้อม” ในโผชิงเก้าอี้นายกฯด้วย คำตอบคือ “ไม่รู้” เช่นเคย
สำหรับไทม์ไลน์ทางการเมืองที่สำคัญหลังจากนี้ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ไล่เรียงให้ฟังว่า เมื่อส.ส.รับใบรับรอง แล้วไปรายงานตัวที่สภา ซึ่งวันสุดท้ายคือวันที่ 28 มิ.ย. จากนั้นจะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ตามามาด้วยการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาฯ ในวันที่ 6 ก.ค.66 จากนั้นประธานรัฐสภาเรียกประชุม 2 สภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.66
เมื่อได้นายกฯแล้ว คาดหมายว่าจะมีการแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ ในวันที่ 21 ก.ค. และถวายสัตย์ปฏิญาณ ในช่วงปลายเดือนก.ค. เมื่อครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ ครม.ชุดปัจจุบัน ก็สิ้นสุดวาระการทำงาน
นั่นเป็นกำหนดการ ที่การโหวตนายกฯ และการตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าเกิดติดขัดในขั้นตอนของการโหวตนายกฯ ไทม์ไลน์ที่ว่ามาข้างต้น ก็จะขยับออกไปอีก
เพราะในขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่มีกรอบเวลากำหนดไว้ว่า ต้องดำเนินการในกี่วัน และไม่ได้ระบุว่าต้องทำได้ภายในกี่ครั้ง กี่รอบ หากยังเลือกไม่ได้ ก็ต้องเลือกกันต่อไป
จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า เราจะสามารถมีรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาทำงานในช่วงปลายเดือนก.ค. หรือต้นเดือนส.ค. หรือไม่
