"ประยุทธ์" เผยยินดีกม.การปรับเป็นพินัยเตรียมบังคับใช้ ลบคำกล่าวคุกมีไว้ขังคนจน ทำผิดเล็กน้อยทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์แทนติดคุกไม่เสียประวัติ แถมค้ามนุษย์อยู่ในระดับเทียร์ 2 ขยับ 3 อันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลก
วันนี้ (20มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ข้อความ ถึงเรื่องการผ่านกฏหมาย โดยมีเนื้อหาดังนี้ พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ
ความปรารถนาของผมตั้งแต่วันแรก และทุกๆ วันของการทำหน้าที่สำคัญเพื่อชาติบ้านเมือง ส่วนหนึ่งคือต้องการสร้างความเสมอภาคในสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ผลักดันกฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายขายฝาก และการปฏิวัติดอกเบี้ย ที่ช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับคนตัวเล็กในสังคม ที่ต้องเผชิญกับปัญหาและถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอดชีวิต
ล่าสุด ผมรู้สึกดีใจที่จะมีกฎหมายอีกหนึ่งฉบับ คือ "กฎหมายการปรับเป็นพินัย" ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ และมีความก้าวหน้าในการออกกฎหมายลูกและกฎระเบียบต่างๆ มารองรับ เพื่อให้กฎหมายนี้ มีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติและบังคับใช้ได้จริงมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมของเรา คือ การลบคำกล่าวที่ว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" เพราะต่อจากนี้ไป การกระทำผิดเล็กน้อย ไม่ต้องรับโทษทางอาญา สามารถทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ทดแทนการจำคุก-กักขังได้ และไม่มีการบันทึกประวัติอาชญากรรมให้เกิดรอยด่างพร้อยในชีวิต จึงเป็นการดูแลสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานให้กับคนไทย โดยเฉพาะในระดับฐานราก ที่ทั่วโลกต่างก็ตระหนักในประเด็นนี้
อีกส่วนหนึ่ง คือ ความปรารถนาที่ต้องการพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทั้งคนไทยและทุกคนในราชอาณาจักรไทย ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ที่รัฐบาลถือเป็น "วาระแห่งชาติ" โดยได้สร้างกลไกการทำงานในทุกระดับให้บูรณาการกันมากขึ้น รองรับการทำผิดรูปแบบใหม่ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนการเอาจริงเอาจังและจริงใจในการบังคับใช้กฎหมาย โดยไม่ละเว้นเจ้าหน้าที่รัฐ มุ่งเน้นทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์-เครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่อง ให้มารับโทษตามกฎหมาย ฯลฯ เป็นผลให้ได้รับการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 (TIP Report 2023) อยู่ในระดับเทียร์ 2 (Tier 2) ซึ่งสะท้อนความพยายามและผลการดำเนินงานของไทย ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นอกจาก 2 เรื่องดังกล่าว ที่สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในสายตาชาวโลกแล้ว ผมอยากให้ทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) ประจำปี 2566 อยู่อันดับที่ 30 ซึ่งดีขึ้น 3 อันดับจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของ "สมรรถนะทางเศรษฐกิจ" นั้น ดีขึ้น 18 อันดับ สะท้อนการค้า-การลงทุน-การจ้างงานที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ไม่นานมานี้ ธนาคารโลกระบุว่า มาตรการทางการเงินและการคลังของไทย มีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากช่วงวิกฤตโควิด ได้ดีกว่าประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาค อีกทั้งความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยของเรา จะได้รับสนใจและดึงดูดการค้า-การลงทุน จากทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างโอกาสและรายได้ ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกระดับ
สำหรับสุดสัปดาห์นี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ การประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายนนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการชาวจีน จากทั่วโลกกว่า 4,000 คน เดินทางเข้าร่วมประชุม เจรจา สำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีการสนับสนุนการค้า-การลงทุน ที่เป็นประโยชน์กับไทย ในหลายมิติ เช่น (1) สิทธิพิเศษของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ (2) มาตรการจูงใจเพื่อดึงดูดผู้ผลิตรถ EV จากจีน เข้ามาลงทุนมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ผมขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข่าวสาร และร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี สร้างความประทับใจ และสร้างบรรยากาศที่ดี สำหรับการพัฒนาบ้านเมืองของเราไว้ให้กับลูกหลานไทยในอนาคตด้วยครับ