“ด้วยรัก เมตตา และปรารถนาดี”! “ดร.อานนท์” แนะทางเลือก 7 ข้อ หลังโรงเรียนออกแถลงการณ์ ไม่รับ “หยก” เข้าเรียน “ประธาน ศชอ.” แฉเบื้องหลัง การได้รับอิทธิพลความคิด และการเคลื่อนไหวก่อนโดนคดี 112 ที่ไม่ธรรมดา
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 มิ.ย. 66) ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“คำแนะนำสำหรับน้องหยก
แถลงการณ์โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉบับที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ประชาคมของโรงเรียน อันประกอบด้วย ครู ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียน ต่างพากันปฏิเสธน้องหยกแล้วอย่างสิ้นเชิง
หากน้องหยกยังดื้อรั้นจะเข้าไปเรียนในโรงเรียนก็จะพบกับข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ อันจะเป็นการทำให้น้องหยกมีคดีความเพิ่มเติมมากขึ้นไปจากเดิมเสียอีก
พี่ขออนุญาตแนะนำทางเลือกของน้องหยก ดังนี้
หนึ่ง น้องหยกอาจจะกลับไปเรียนหนังสือเองที่บ้าน home schooling จะให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองสอนสั่งก็ได้ ถ้าบิดามารดาหรือผู้ปกครองมีสติปัญญาเพียงพอที่จะสอนน้องหยก
สอง ให้น้องหยกไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียนให้จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก แล้วก็ไปสอบเทียบให้ผ่านเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อไป ถ้ายังอยากเรียนอยู่
สาม น้องหยกอาจจะไปกราบขอร้องนายตี๋หรือนายลิเกหรือคนที่ยุยงส่งเสริมน้องหยก ให้อุปการะส่งเสียน้องหยกให้เรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่แต่งชุดไปรเวตไปเรียนได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าโรงเรียนไหนในประเทศไทยจะไร้กฎเกณฑ์ระเบียบหรือไม่ต้องแต่งเครื่องแบบใดๆ แต่ก็น่าจะมี
สี่ น้องหยกอาจจะไปขอเงินจาก NGO ต่างชาติ โดยอ้างว่าลี้ภัยการเมืองจากคดีมาตรา 112 อะไรทำนองนี้ ก็อ้างไปเถิด หาทางเอาตัวรอดให้ได้ ให้เขาให้ทุนไปเรียนเมืองนอกในระดับไฮสกูล เลือกโรงเรียนที่ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบหรือเลือกโรงเรียนที่ไม่มีระเบียบ แต่ทางเลือกนี้น้องหยกอาจจะต้องปรับตัวมากจริงๆ และต้องหา host family ให้ได้ด้วย
ห้า ไปสมัครงานที่ไทยรัฐที่บอกว่าน้องหยกถูกรังแกน่าสงสาร หรือขอไปสมัครงานกับไทยซัมมิท และขอยกเว้นกฎระเบียบทุกอย่างของหน่วยงานให้ได้
หก ถ้าการมีชีวิตอยู่ในสังคมไทยภายใต้กฎระเบียบมันยากมาก ก็แนะนำน้องหยกเข้าป่าไปเป็นคอมมิวนิสต์สร้างโลกใหม่ไร้ระเบียบของตัวเอง แบบเดียวกับพี่ๆ รุ่น 6 ตุลาคม 2519 เคยทำมาก่อน
เจ็ด ถ้าน้องหยกอยากทำสีผม ทรงผมอะไรก็ได้ ขอแนะนำให้เรียนทำผม เช่น ที่โรงเรียนเกศสยาม เป็นต้น จะได้มีวิชาชีพหาเลี้ยงตัวได้ต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ขออวยพรให้น้องหยก สมมาด ปรารถนา ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กฎเกณฑ์ ไร้ระเบียบตามที่ต้องการจงทุกประการ และขอให้คนที่น้องหยกจะได้พบเจอต่อไปในอนาคตจงยอมรับได้กับพฤติกรรมและข้อเรียกร้องของน้องหยกจงทุกประการเทอญ
ด้วยรัก เมตตา และปรารถนาดี
ปล.หากทัวร์คอนด้อมส้มคิดจะมาลงแถวนี้รอครุฑบินไปหาได้เลย จะแคปเจอร์ไว้ดำเนินคดีให้ครบทุกคน”
ขณะเดียวกัน นายนพดล พรหมภาสิต หรือ ตุ๊ ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคม หรือ “ศชอ.” และ ที่ปรึกษาศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ “ศปปส.” โพสต์เฟซบุ๊กให้ข้อมูลกรณี “หยก ธนลภย์” ว่า
“เพื่อนๆ ในวงการกีบเรียกเธอว่า “สหายนอนน้อย” เริ่มเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่อต้านสถาบันฯ ร่วมกับกลุ่มนาดสินปฏิวัติ (มิ๊นต์ หรือ เจ๊เขียวกิโยติน) และกลุ่มทะลุวัง (ทานตะวัน, หนอนบุ้ง, แบม...) โดยในโลกโซเชียลสหายนอนน้อยจะโพสต์ หรือแชร์เรื่องราวที่เกี่ยวกับสถาบันฯไปในทางเสื่อมเสีย ซึ่งได้รับอิทธิพลทางความคิดต่อต้านสถาบันฯมาจากจอมไฟเย็น (หนีคดี 112 ไปทำงานเป็นเกษตรกรอยู่ที่ฝรั่งเศส)
การเคลื่อนไหวของหยกจะมีแนวทางไปทางมิ๊นต์ หรือเจ๊เขียวกิโยติน ที่กล่าวหาว่า... เป็นคู่ความกับตนเอง จนในที่สุดก็ออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ที่เสาชิงช้า (ม็อบ 13 ตุลา 65) เรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ซึ่งพฤติกรรมในวันนั้นของหยกได้เขียนข้อความที่ใส่ร้าย... ลงบนพื้นลานเสาชิงช้า ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้กลุ่ม ศปปส. โดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แจ้งความดำเนินคดีม.112 ที่ สน.สำราญราษฎร์
สน.สำราญราษฎร์ ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่หยกก็ขอเลื่อนโดยอ้างเหตุผลคือต้องไปโรงเรียน แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หยกยังออกไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มทะลุวังเดินเคียงข้างทานตะวันอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 18 ก.พ. 66 หยกอ่านแถลงการณ์หน้า UN โดยระหว่างการอ่านแถลงการณ์หยกก็ได้ฉีกหมายเรียกต่อหน้าสื่อมวลชน
หยกไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะไปเขียนข้อความที่หน้าศาลฎีกา หรือที่ร้ายแรงสุดก็ร่วมในขบวนการพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 66 หยก จึงโดนตำรวจ สน.พระราชวัง จับกุมตัวตามหมายจับของ สน.สำราญราษฎร์
ตำรวจนำตัวหยกส่งศาล หยกไม่รับกระบวนการยุติธรรมโดยนั่งลงกับพื้นแล้วหันหลังให้กับศาล โดยที่เธออ้างว่า ในศาลมีรูปของคู่ความของเธอติดอยู่บนศาล หยกจึงถูกส่งตัวไปบ้านปราณี สามพราน นครปฐม ซึ่งหยกก็ได้ก่อวีรกรรมไว้ในนั้นมากมาย จนมาสร้างวีรกรรมอีกครั้งที่ ร.ร.เตรียมพัฒน์ จนสังคมต้องเอือมระอากับพฤติกรรมของเธอ”