สมาชิก พปชร. ข้องใจ กกต.ทำไมไม่สอบปมถือหุ้นสื่อ ทำ “พิธา” พ้น ส.ส.ปี 62 และถือได้ว่าไม่มีการเสนอชื่อเป็นนายกฯ หรือไม่ หลังไม่ติดใจคำร้องมีลักษณะต้องห้ามลงสมัคร ส.ส.ถูกตีตก จี้ต้องดำเนินการ เตรียมเปิดข้อมูลต่อหลัง 12 มิ.ย.
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวกรณี กกต.มีมติไม่รับ 3 คำร้องสอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล แต่ให้ตั้งคณะกรรมการสอบหน่วยความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัคร แต่ยังคงลงสมัครตามมาตรา 151.พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ที่ กกต. มีมติ 6 ต่อ 0 ตีตกคำร้อง โดยอ้าง พ.ร.ป. ส.ส. มาตรา 51 และมาตรา 60 นั้น พอฟังได้เฉพาะกรณีประเด็นที่ร้องลักษณะต้องห้ามในคราวสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อเมื่อ 4 เม.ย. 66 เท่านั้น แต่เนื่องจาก กกต. ไปตั้งเรื่องให้สอบทางอาญาตามมาตรา 151 ฐานรู้ว่าไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส. ซึ่งอาจทำให้เข้าใจได้ว่า กกต. เห็นว่า การถือหุ้นสื่อตามคำร้องเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.ป. ส.ส. มาตรา 42(3) ประกอบ รธน. มาตรา 98(3) ดังนั้น ในคำร้องยังมีประเด็นอื่นที่เป็นผลมาจากการถือหุ้นสื่อรวมอยู่ด้วย ซึ่ง กกต. ควรดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป เช่น สมาชิกภาพ ส.ส. เมื่อต้นปี 62 สิ้นสุดลง หรือไม่ หรือทำไม กกต. ไม่ดำเนินการตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 82 ตาม พ.ร.ป. ส.ส. มาตรา 14 วรรคสอง ประกอบ รัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคสอง ให้ถือว่า ไม่มีการเสนอชื่อนายกฯ ใช่หรือไม่
“ตัวอย่างแค่นี้ คงพอเป็นเหตุผลให้ กกต. ย้อนไปดูคำร้องให้ละเอียด ว่า ยังมีงานที่ต้องทำตามหน้าที่และอำนาจต่อไป หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป หลังวันจันทร์ที่ 12 มิ.ย. ศกนี้"