โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ห่วงใยผู้สูงอายุป่วยโรคปอดอักเสบ แนะผู้สูงอายุทำตามคำแนะนำของแพทย์ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ หรือผู้ป่วยไอจาม ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการแจ้งเตือนเรื่องโรคปอดอักเสบ โรคร้ายที่ผู้สูงอายุควรระวัง ของโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ซึ่งโรคปอดอักเสบ หรือที่เรียกว่า “ปอดบวม” คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ซึ่งอาจเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ซึ่งสาเหตุของโรคจะมีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอายุและสภาพแวดล้อม โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยผู้สูงอายุที่อาจป่วยโรคปอดอักเสบ ฝากให้ผู้สูงอายุทำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคปอดอักเสบ
นายอนุชา กล่าวว่า กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า โรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอดได้ตามปกติ มักพบว่าเป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ หรือมีการติดเชื้อจากบุคคลรอบข้างที่มีอาการไอจามได้ การติดเชื้อปอดอักเสบสามารถพบได้ทุกช่วงอายุ โดยระดับความรุนแรงของโรคจะมีความแตกต่างกัน ผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 65 ปี มีความต้านทานโรคต่ำ จึงมีความเสี่ยงเกิดความรุนแรงของโรค และภาวะแทรกซ้อนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งปอดอักเสบมีระยะเวลาดำเนินโรคที่ไม่แน่ชัดขึ้นกับชนิดของเชื้อ อาจสั้นเพียง 1-3 วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ หลังจากเริ่มป่วยเป็นไข้หวัด ถ้าผู้ป่วยเริ่มมีอาการไอ มีเสมหะ หายใจเหนื่อยหอบ เจ็บแน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และมีไข้สูง เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่อาจมีโรคปอดอักเสบร่วมด้วย โดยอาการของโรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุอาจมีอาการอื่นที่ไม่จำเพาะ ที่พบได้บ่อย คือ มีอาการซึมลงหรือสับสน และไม่จำเป็นต้องมีไข้หรืออาการไอมาก่อน
นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อทั้งแบบรับประทานและการฉีดยา ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน สำหรับปอดที่ติดเชื้อไวรัสมักมีความรุนแรงน้อยกว่าการติดเชื้อแบคทีเรีย การรักษาจึงพิจารณาตามอาการ โดยแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนอย่างพอเหมาะ หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวแพทย์อาจพิจารณาให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลจนกว่าจะหายสนิท เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ รวมถึงป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงวัย
พร้อมกันนี้ ผศ.พิเศษ.นายแพทย์ สมคิด อุ่นเสมาธรรม นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี แนะนำให้ผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ใช้ช้อนกลาง หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและไขมันสูง ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือผู้ป่วยที่มีอาการไอจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสและใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ลดการออกไปในสถานที่แออัดในช่วงที่มีไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ระบาด ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพของวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ก่อนหน้าฝนราวเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด และควรฉีดวัคซีนชนิด Pneumococcal vaccine โดยปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัส ที่เป็นสาเหตุของปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
“กรมควบคุมโรคให้ความสำคัญในการป้องกันโรคและภัยสุขภาพ โดยเฉพาะโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอักเสบนอกเหนือจากโรคโควิด 19 โดยมีการติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบอย่างใกล้ชิด พร้อมเฝ้าระวังการแพร่ระบาด เตรียมภารกิจดูแลประชาชน โดยในส่วนของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แพทย์มีคำแนะนำให้กินผักและผลไม้เป็นประจำให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม โดยแบ่งเป็นผักสุก 3 มื้อ มื้อละ 2 ทัพพี ผลไม้ตามฤดูกาลวันละ 3-5 ส่วน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปอด เนื่องจากผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดี สังกะสี ซิลิเนียม สารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยสร้างภูมิต้านทานและเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ผักและผลไม้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ปอดถูกทำลายได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยผู้สูงอายุที่อาจป่วยโรคปอดอักเสบ ฝากขอให้ผู้สูงอายุทำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคปอดอักเสบ” นายอนุชา กล่าว