“แสวง” เผย สัปดาห์หน้า กกต.เริ่มพิจารณารับรอง ส.ส.เริ่มกลุ่มไม่มีร้องเรียน เปรียบวาระครบ 25 ปี กกต.เหมือนวัยรุ่นเต็มไปด้วยพลัง โตไปไม่หยุดยั้ง ชี้ตัดคำว่า “โปร่งใส” ออกจากสโลแกนไม่สำคัญเท่าผลงานที่ประจักษ์
วันนี้ (9 มิ.ย.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงผลงานในโอกาสสำนักงาน กกต.ครบรอบ 25 ปี ว่า ถึงปัจจุบัน ถ้าเทียบกับอายุของคน 25 ปี ก็เทียบเท่าอยู่ในช่วงอายุของวัยรุ่น ที่เต็มไปด้วยพลัง และจะเติบโตไปอย่างไม่หยุดยั้ง เปรียบเสมือนสำนักงาน กกต.ในปัจจุบัน ที่ไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับระดับสากล ในกระบวนการเลือกตั้งอย่างมืออาชีพ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความมุ่งมั่น ทำให้ทุกการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นมาก เป็นประวัติการณ์เช่น การเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 60 การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 76 แห่ง มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 62 การเลือกตั้งเทศบาล จำนวน 2,472 แห่ง มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 66 การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 5,300 แห่ง มีผู้มาใช้สิทธิ ร้อยละ 74 รวมถึงการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่14พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิมากถึง ร้อยละ 75.71 จำนวน บัตรเสียลดลง รวมถึงจำนวนเรื่องร้องคัดค้าน มีเพียง 280 เรื่องซึ่งน้อยที่สุดเท่าที่จัดการเลือกตั้งมา
นายแสวง กล่าวถึงการประกาศให้มีนับคะแนน 47 หน่วยใหม่ ว่า จะมีการนับคะแนนวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนนได้โดยทาง กกต.เองก็จะมีการบันทึกภาพด้วย
ส่วนที่มองว่า การสั่งนับคะแนนใหม่ เป็นการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง นายแสวง กล่าวว่า หลังจากมีการเลือกตั้งและมีการประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการแล้ว สำนักงานไม่ได้หยุดนิ่ง เราตระหนักว่าประชาชนต้องการทราบว่า กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อใด ซึ่งกฎหมายให้เวลาในการทำงานไว้ 60 วัน คือ ถึงวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งการสั่งนับคะแนนใหม่สำนักงานได้มีการตรวจสอบและเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาซึ่งเป็นการตรวจสอบหลังจากที่มีการรวมผลคะแนนแล้วพบว่า มีคะแนนไม่ตรงกับจำนวนบัตรและคนมาใช้สิทธิ และแม่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของคะแนน หรือผู้ได้รับเลือกตั้งแต่กกต.ต้องปฏิบัติตามมาตรา 124 ทำให้ไม่สามารถที่จะงดเว้นไม่สั่งนับคะแนนใหม่ได้
ส่วนที่มีการแสดงความเห็นว่า จะทำให้การประกาศผลล่าช้าหรือ ยืนยันการสั่งนับคะแนนใหม่ไม่กระทบต่อแผนการประกาศรับรองผลเพราะสำนักงานฯพยายามเร่งรัดอยู่แล้ว สัปดาห์หน้าสำนักงานฯจะเสนอให้ กกต.ทยอยพิจารณา ซึ่งน่าจะเป็นการเสนอให้พิจารณาในกลุ่มที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนก่อน แต่ไม่ใช่การทยอยประกาศผล เพราะกฎหมายระบุว่าจะต้องประกาศไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 แบบแบ่งเขตเลือกตั้งหรือ 380 คน โดยขณะนี้ได้ให้จังหวัดรายงานกลับมาว่าในแต่ละจังหวัดมีเรื่องร้องเรียน และแต่ละเรื่องมีความหนักเบาแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาประกาศผล และเรามีข้อมูลจำแนกเป็นกลุ่มของผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีเรื่องร้องเรียน กับไม่มีเรื่องร้องเรียนอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงาน กกต. มีการเปลี่ยนสโลแกน จาก “สุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม” เป็น “สุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย” โดยตัดคำว่า “โปร่งใส” ออกไป นายแสวง กล่าวว่า “สุจริต” และ “เที่ยงธรรม” สองคำนี้ก็รวมคำว่า “โปร่งใส” ไว้อยู่แล้ว และไม่ได้แตกต่างอะไรกับตัวตนขององค์กร ไม่ว่าจะเขียนอย่างไร แต่สิ่งที่เราได้แสดงออกไปนั้น สมควร หรือมีเกียรติในตำแหน่งที่เราทำ ขอขยายความในเรื่องความโปร่งใส เนื่องจากสามารถดูได้ 2 อย่าง ส่วนแรก คือ เห็นได้ด้วยตา โดยประชาชนสามารถไปร่วมสังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้ง และบันทึกภาพได้ตลอดเวลา ส่วนที่สอง คือ เรามีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ว่ากระบวนการที่เราทำนั้น เมื่อประชาชนมีข้อสงสัย ก็สามารถตรวจสอบได้ หรือหากมีข้อสงสัยอื่นใด ก็ขอให้ทางสำนักงานตรวจสอบได้เช่นกัน ซึ่งหากเราเดินหน้าแบบนี้ จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม