อดีต กกต. ระบุ รธน.ห้ามผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นสื่อ นับจากวันสมัครรับเลือกตั้ง หากหัวหน้าก้าวไกล โอนภายหลังสมัครไม่รอด ชี้ ตราบใดที่ยังไม่จดทะเบียนเลิกทำสื่อ ก็อ้างข้อ กม.ไม่ได้
วันนี้ (7 มิ.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดถือหุ้นหรือเป็นเจ้าของหุ้นสื่อ ถ้าผู้นั้นจะสมัครรับเลือกตั้ง ถ้ามีหุ้นสื่อจะสมัครไม่ได้ การที่นายพิธาจะรับหุ้นดังกล่าวมาจากมรดก หรือมาจากการซื้อเอง แต่เมื่อถึงเวลาที่จะไปสมัครรับเลือกตั้ง ต้องปลอดจากหุ้นดังกล่าวนี้ก่อน ซึ่งเรื่องการถือหุ้นนี้จะนับจากวันที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งในวันสมัครรับเลือกตั้งหากมีกรณีนี้เกิดขึ้น กกต.ไม่สามารถล้วงลึกไปได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ผู้ร้องเรียนไปหาหลักฐานมาร้อง กกต.ต้องรับเรื่องขึ้นมาพิจารณา ว่าผิด หรือขัดมาตรา 98(3) ไหม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าหากท่านยังถือหุ้นอยู่ และเป็นหุ้นสื่อด้วย หาก กกต. รับลูกว่ามีหุ้นสื่อจริง ก็ต้องเรียกว่าฝ่ายถูกกล่าวหามาให้การ และต้องไต่สวนทั้งสองฝ่าย
ส่วนการมาโอนหุ้นตอนนี้จะมองว่าเป็นการเลี่ยงหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ถ้าสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แล้วมาโอนให้กับใครก็ตามทีหลัง เขานับหนึ่งในวันสมัครรับเลือกตั้ง ถ้าในวันสมัครรับเลือกตั้งขาดคุณสมบัติในกรณีนี้จะมาโอนหุ้นทีหลังมันก็ไม่พ้น แต่หากจะมองว่าเป็นเทคนิคในการสู้คดี ทุกท่านมีสิทธิอ้างได้ ขึ้นอยู่กับ กกต.หรือศาลจะตีความ แต่ถ้ามาตราไหนชัดเจนอยู่แล้ว ห้ามไม่ให้มีหุ้น ถือหุ้น หรือเป็นเจ้าของหุ้นสื่อในวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การตีความกฎหมายต้องตีความอย่างเคร่งครัด คือ ว่ากันตรงๆ ไปเลย ส่วนผู้ถูกร้อง จะสู้อย่างไรก็เป็นอีกเรื่อง
สำหรับที่บริษัท ไอทีวี ไม่ได้ดำเนินกิจการแล้ว นางสดศรี เห็นว่า การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท กิจการค้าใด ต้องจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะระบุในวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งบริษัท ที่ส่วนใหญ่ไปพลาดตรงวัตถุประสงค์ ว่าดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อมวลชนได้ แม้ต่อมาบริษัท และห้างหุ้นส่วนเหล่านั้นไม่ได้ประกอบกิจการแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเลิก ผู้ทำนิติกรรมกับการค้าก็ไม่สามารถที่จะอ้างข้อกฎหมายใดๆ ได้