ข่าวปนคนคนปนข่าว
**Save"หมอปุยเมฆ" ตัดจบดรามา ลาจากรพ.รัฐ ฝากไว้เป็นบทเรียนให้คิด "ระบบราชการ" กระทบชีวิตแพทย์!
กรณี "หมอปุยเมฆ" พญ.นภสร วีระยุทธวิไล คุณหมอดีกรีนักร้องนักแสดงสาวค่าย GMM โพสต์ภาพทั้งน้ำตา ลาออกจากโรงพยาบาลรัฐ หลังแชร์ประสบการณ์เสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต เมื่อโรงพยาบาลไม่มีวี่แววจ้างคนเพิ่ม และจำนวนหมอลดลงทุกปี เป็นเหตุให้คนทำงานจนเหมือนอยู่เป็นแรงงานทาส เจอหนักจนแอบไปร้องไห้คนเดียว ในที่สุดจึงตัดสินใจยื่นขอลาออกจากระบบราชการ พลันนั้นก็ได้กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก และมีคนเข้ามาให้กำลังใจ และแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก
หมอ-นักร้อง นักแสดงสาว ยังได้เคลื่อนไหวเขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบายความในใจออกมาต่อเนื่องหลายโพสต์ อย่างไรก็ดี มี "ความเห็นต่าง" แหวกมากลางวงหาว่า "ใจเสาะ" ไม่อดทน เปราะบาง และปลอม กระทั่งเกิดเป็น
"ดรามา" คละคลุ้ง ปะทะกันทางความคิดของชาวเน็ตไปทั่วโลกโซเชียลฯ
ต่อมาหลังดรามาลุกลาม “หมอปุยเมฆ” ระบุข้อความ ขออนุญาตลบทวิต เรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ เพราะตอนนี้เรื่องเริ่มลามไปถึง พี่ๆ staff ผู้ร่วมงาน ซึ่งพี่ๆ ส่วนใหญ่ที่ได้ทำงานด้วยน่ารัก ไม่อยากให้ใครต้องมาโดนร่างแหไปด้วยเลย แค่นี้ก็เครียดกันพอแล้ว ขอจบเรื่องราวนี้ ฝากไว้แค่ว่า "ระบบมีปัญหา" คนข้างในเหนื่อยกันมากๆ
วันนี้ “ปุยเมฆ” หมอสาววัย 26 ปี ความจริงหากรับราชการต่อก็น่าจะมีเส้นทางอนาคตอีกยาวไกล แต่เสียดายที่"ระบบ" มากระทบชีวิตราชการจนต้องยุติลงเสียก่อน แต่ลาออกจากราชการก็ส่วนราชการ เพราะ เจ้าตัวก็ยืนยัน ยังจะเป็นหมอไม่ได้เปลี่ยนอาชีพ
นี่ต้องขอแสดงความนับถือ “หมอปุยเมฆ” ที่ยังคงแน่วแน่และมั่นคงต่อตัวเอง ตั้งแต่จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนราชินี ก็เข้าศึกษาต่อ คณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า อยากจบไปเป็นหมอที่ดี อยากทำงานในโรงพยาบาลรักษาคนป่วยให้หายดี อยากสร้างชีวิตใหม่ให้กับผู้อื่น
เหตุผลที่ “ปุยเมฆ”เลือกเรียนคณะนี้ เธอยังเคยบอก ตอนเด็กๆ ไปเล่นในโรงพยาบาลที่พ่อกับแม่ทำงานตลอด เห็นคนเจ็บป่วยตั้งแต่เด็กๆ ได้เห็นตั้งแต่เขาอาการโคม่า จนบางคนรักษาจนหายดีกลับบ้านได้ เลยอยากเป็นคนที่ช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยให้หายบ้าง รู้สึกดีเวลาเห็นทั้งตัวผู้ป่วยและคนในครอบครัวของเขามีความสุข เวลาผู้ป่วยหายเป็นปกติ กลับไปใช้ชีวิตได้
แน่นอนว่า ดรามาที่เป็นประเด็นที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ ปัญหาของ "ระบบ" ที่ “หมอปุยเมฆ” ระบาย ซึ่งนี่ก็ต้องให้กำลังใจและความเป็นธรรมกับหมอปุยเมฆ และหมออีกหลายๆคน หรือจะทั้งหมดที่อยู่ใน "ระบบ" ที่มีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งฟังว่า สถิติหมอแห่ขอลาออกจากราชการ มีอัตราสูงขึ้นทุกวัน
เส้นทางกว่าจะเป็นหมอนั้นไม่ง่ายอย่างที่รู้กันดี ระบบมีปัญหา ก็ต้องแก้เพื่อ Save คุณหมอทั้งหลาย ที่ทำงานหนัก บทเรียนนี้ก็ได้แต่ฝาก "ลุง" ที่กำลังจะไป ทำอะไรส่งท้ายได้บ้างหรือไม่ และฝากรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะมา เพลาๆเรื่องอื่นให้มาดูเรื่องนี้จริงจังเสียทีได้มั้ย..ฝากไว้ให้คิดนะจ๊ะ
**ปากกล้า ขาสั่น!! “พิธา” บอกไม่กังวลเรื่องหุ้นไอทีวี สุดท้ายมีข่าวขายทิ้งไปแล้ว
วิพากวิจารณ์กันหนักว่า เรื่อง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ว่าที่นายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล ถือหุ้น ITV 42,000 หุ้น จะเป็นด่านสำคัญอีกด่านหนึ่ง ที่จะทำให้เขาไปไม่ถึงตำแหน่งนายกฯ นอกเหนือจากลุ้นว่า ส.ว.จะโหวตให้มีคะแนนถึง 376 เสียงหรือไม่
เรื่องนี้ ทั้งนักกฎหมาย นักวิชาการ เห็นข้อมูลแล้วมองว่า “โคม่า” ... แต่ “พิธา” ก็จะพูดอยู่เสมอว่าไม่กังวล เพราะเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงแล้ว ทั้งเรื่องหลักฐาน และหลักกฎหมาย แต่ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อมาจาก กกต.ด้วยซ้ำว่า สงสัยประเด็นใด ถ้ามีหนังสือแจ้งมา ก็จะทำเอกสารชี้แจงกลับไป เชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้การตั้งรัฐบาลสะดุดได้ เพราะเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.กับ แคนดิเดตนายกฯ มันคนละเรื่อง ไม่เกี่ยวกัน
แต่ “สมชาย แสวงการ” ส.ว. เพิ่งยกรัฐธรรมนูญ 4 มาตรา มาอธิบาย ตามแง่มุมของกฎหมายว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การถือหุ้น ITV 42,000 หุ้นนั้นผิด และเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครส.ส. ซึ่ง“พิธา”จะขาดคุณสมบัติทั้งส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
แม้ว่าอาจจะขาย หรือโอนหุ้นออกวันใด ย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อการพิจารณาคดีแล้ว เพราะ
1. การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 นั้น ดำเนินการก่อนปิดรับสมัครส.ส.
2. มาตรา 89 (2) ผู้ได้รับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตาม มาตรา160
3. มาตรา160 (6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98
4.มาตรา 98 (3) ห้ามผู้สมัคร ส.ส.เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ
“ส.ว.สมชาย” บอกว่า ถ้าตีความตามนี้ ก็น่าจะถือว่าขาดคุณสมบัติตั้งแต่วันปิดรับสมัครตาม มาตรา 88 ในวันที่ 4-7 เม.ย.66 แล้ว
ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับกกต.จะเป็นผู้สรุป แล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด
ขณะที่ “คมสัน โพธิ์คง” อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต เห็นว่า หากศาลฯตัดสิทธิ์ “พิธา” จะทำให้การรับรองผู้สมัครส.ส.ของพิธา ขาดไปด้วย คือจะมีปัญหาในเรื่องของการส่งผู้สมัครส.ส. เพราะข้อบังคับของพรรคก้าวไกล เขียนไว้ว่า คนที่จะมีคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
แต่ “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล โต้แย้งความเห็นของ “ส.ว.สมชาย แสวงการ” ว่า ยังมั่นใจเหมือนเดิมว่าจะสามารถชี้แจง และต่อสู้ได้ และกรณีไม่ได้เข้าข่ายตามที่ “ส.ว.สมชาย” ระบุ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นรายละเอียด ที่เตรียมต่อสู้ทางคดีอยู่แล้ว
ล่าสุด “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ร้องเรื่องนี้ ได้เขาไปยื่นข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต. เพื่อประกอบการพิจารณา และจะขอให้ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า “พิธา” ได้ขายหุ้นเจ้าปัญหานี้ออกไปแล้วหรือไม่ เพราะมีรายงานข่าวว่า “พิธา” ได้ขายหุ้น ITV จำนวน 42,000 หุ้น ออกไปแล้ว เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานี้เอง
เรื่องนี้ นักข่าวเมื่อเจอหน้า “ว่าที่นายกฯพิธา” ก็ถามว่าได้ขายหุ้น ITV ออกไปแล้วจริงหรือไม่ แต่ “พิธา”เลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ บอกแค่ว่า “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคได้อธิบายไปแล้ว ก่อนจะขึ้นรถออกจากที่ทำการพรรคไปทันที
เมื่อไปย้อนดูคำให้สัมภาษณ์ของ “ชัยธวัช” ในเรื่องนี้ ก็ตอบแบบเลี่ยงๆ ไม่ตรงกับคำถามว่า... ต้องดูรายละเอียด แต่จริงๆแล้ว การตีความกฎหมาย บรรทัดฐาน และมาตรฐานการวินิจฉัย มีหลายกรณีที่สามารถเทียบเคียงได้ ไม่น่าจะมีอะไร
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า เรื่องนี้ “พิธา” จะชี้แจงต่อ กกต.อย่างไร และถ้าเทขายหุ้นออกไปแล้วจริง จะถือว่าสายเกินไปหรือไม่