xs
xsm
sm
md
lg

“โทนี่” กลับไทย ลุยรื้อ พท.ก่อนหายนะ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

แม้หลายคนยังไม่เชื่อนักกับการประกาศกลับประเทศไทยครั้งล่าสุดของ “โทนี่” หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้หลบหนีหลายคดีในต่างประเทศ โดยคราวนี้ย้ำว่า จะกลับมาในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนเกิดของเขา อ้างเหตุผลว่าแก่แล้ว และจะกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง


นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม กล่าวในรายการ คุยแหลกแดกดึก เมื่อ 3-4 วันก่อน ซึ่ง มดดำ คชาภา เป็นพิธีกร เดินทางไปสัมภาษณ์ที่สิงคโปร์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตอนนี้มีหลาน 7 คนแล้ว ถึงเวลาต้องไปเลี้ยงหลาน พ่อแม่เป็นวัยต้องทำงาน ปู่ย่าตายาย มีหน้าที่เลี้ยงหลาน เพื่อให้พ่อแม่ได้ทำงานได้เต็มที่

ส่วนจะมีโอกาสกลับไปเป็นนายกฯหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า แก่แล้ว หมดสมัย วันนี้เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ยุคคนแก่ คนแก่บางทีแนะนำก็อย่าไปบังคับ เพราะเราไม่ทันเด็ก คนแก่แม้เข้าใจเด็ก แต่เข้าใจแบบคนเรียนภาษาอังกฤษในประเทศไทย สู้คนโตเมืองนอกที่รู้ภาษาอังกฤษแล้วพูดภาษาอังกฤษแตกฉานไม่ได้

“น้องอิ๊ง” บอกว่า พ่อไม่ต้องมายุ่งแล้ว พ่อแก่แล้ว ให้คนรุ่นใหม่เขาคิด เราให้คำแนะนำจากประสบการณ์ ให้เขามีสติเอง แต่อย่าไปบังคับ สมัยพ่อทำอย่างนี้ ลูกทำอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ๊งเลย เพราะมันไม่เหมือนกัน วิธีคิด ภาษาพูด อยากเห็นอนาคตแบบไหนของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าไม่เหมือนกัน เราประวัติเยอะ อดีตเยอะ อนาคตสั้นจุ๊ดจู๋ คนรุ่นใหม่อดีตน้อยแต่อนาคตยาว เขาจะมองอนาคตเขาได้ดีกว่าที่เรามอง เพราะอนาคต เราสั้น วิธีคิดมันเปลี่ยนไปมาก ตนอ่านหนังสือเยอะ มันก็ได้ระดับหนึ่ง ไม่ลึกซึ้ง เท่าที่วัยเขาคิด

ต่อข้อถามว่า เดือน ก.ค.นี้ กลับไทยแน่นอน นายทักษิณ ย้ำว่า “กลับแน่นอน น้องอิ๊งจะเป็นคนบอกวันไหน เวลาเท่าไหร่ ยอมรับแก่แล้วอายุ 72-73 แล้ว จะไปเลี้ยงหลาน ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง” เมื่อถามว่าวันเกิดเดือนก.ค.พอดีด้วย นายทักษิณ กล่าวว่า “26 ก.ค.”

ที่บอกว่า หลายคนยังไม่ค่อยเชื่อถือนัก เป็นเพราะว่าที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร ก็เคยพูดแบบนี้หลายครั้ง แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่กลับมาอ้างโน่น อ้างนี่ ครั้งล่าสุด อ้างเรื่องปัญหาสุขภาพ เรื่องความปลอดภัยสารพัด อย่างไรก็ดี ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เขาก็เคยกล่าวทำนองว่าจะกลับไทยภายในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของเขา วันที่ 26 กรกฎาคม หากนับดูแล้วก็ยังเหลือเวลาอีกเดือนกว่า แต่เมื่อย้ำชัดเจนว่า “กลับเดือนกรกฎาคม” ก็ต้องว่ากันตามนั้นแล้วกัน เพราะโดยความเป็นจริงแล้วสำหรับ “โทนี่” แล้วสามารถกลับไทยได้ตลอดเวลา เพราะเขาเป็นคนไทยจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีห้ามได้ เพียงแต่ว่าเขาต้องมารับโทษ จากคำพิพากษาของศาลในคดีความผิดถึงที่สุดรวมแล้วต้องติดคุกกว่าสิบปีทีเดียว และยังมีคดีที่ยังอยู่ในศาลอีกสองสามคดี

อย่างไรก็ดี หากเชื่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาจริงก็ต้องมาตั้งสมมุติฐานกันใหม่ว่าต้องมีสาเหตุมาจากเรื่อง “การเมือง”เป็นหลัก โดยเฉพาะเป็นเรื่อง “ปัญหาภายใน” ของเขาเอง โดยเฉพาะปัญหาของ “พรรคเพื่อไทย” นั่นเอง

รับรู้กันอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล ซึ่งถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรก นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยเป็นต้นมา และยังถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของ นายทักษิณ ชินวัตรอีกด้วย และที่สำคัญยังเป็นความพ่ายแพ้ให้กับพรรคที่เหมือนกับว่าเป็นการ “แตกหน่อ” มาจากเพื่อไทยอีกด้วย เพราะมีฐานเสียงเดียวกันมาก่อน

โดยคราวนั้น นายทักษิณ ได้ออกมาพูดในทำนองว่าเป็น “ยุคของคนรุ่นใหม่” คนอายุมาก หรือ “คนแก่” ควรถอยออกไป เป็นการส่งสัญญาณออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ยังเป็นสัญญาณให้เห็นอีกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว จะต้องมีการ “ปรับ” กันครั้งใหญ่ โดยคนรุ่นเก่าต้องถอยออกมา

แม้ว่าสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้วอาจต้องมีรายละเอียดมากมายตามมา เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือเป็นพรรคของครอบครัว “ชินวัตร” ไม่ต่างจากพรรค “เถ้าแก่” แทบทุกอย่างอยู่ที่การขับเคลื่อนของคนในครอบครัวนี้ โดยเฉพาะจาก นายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น หากบอกว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นย่อมหมายถึง นายทักษิณ เท่านั้นที่พ่ายแพ้

หากย้อนคำพูดของ นายทักษิณ ที่ยอมรับสภาพว่า หมดยุคของคนรุ่นเก่าที่ต้องถอยออกมา พร้อมกับชมเชยแนวคิดของพรรคก้าวไกล แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อวันก่อนเขาก็กล่าวโทษว่า ในความพ่ายแพ้ดังกล่าวเป็นเพราะถูก “ถล่มด้วยไอโอ” อย่างหนักหน่วง เช่นเดียวกัน

ดังนั้น หากจับใจความจากความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทย ในความเชื่อของ นายทักษิณ ก็คือ แพ้ให้กับพรรคก้าวไกล เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกัน ก็สามารถจับสัญญาณได้ชัดเจนว่าสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว ถึงเวลาต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้น ในความหมายที่สื่อออกมาก็คือจะเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ ที่ว่าก็คือ “นำทัพโดย อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั่นเอง เพราะในคำพูดของเขาได้ชื่นชมแนวคิดและสปิริตของ “อุ๊งอิ๊ง” อยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ดี เมื่อมาเชื่อมโยงกับการประกาศ “กลับไทย” ของเขา ที่ระบุว่า จะกลับมาในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ มันก็พอเดาทางได้ว่าสาเหตุหลักนอกเหนือจากการมาเลี้ยงหลานแล้ว แน่นอนว่า ต้องกลับมา “รื้อพรรค” กันครั้งใหญ่ ก่อนที่จะเกิดหายนะในการเลือกตั้งคราวหน้า เพราะเห็นสัญญาณแล้วว่า คู่ต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยที่น่ากลัวที่สุด ก็คือ พรรคก้าวไกล นั่นเอง และนี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่เขาต้องกลับมาจริงๆ แล้วก็ได้

ขณะเดียวกัน ด้วยเงื่อนไขทางการเมืองในเวลานี้ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับสอง ต้องปล่อยให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค แต่ก็ยังไม่มีความแน่นอน แม้ว่าจะรวบรวมเสียงได้ถึง 313 เสียง แต่ก็ต้องได้เสียงถึง 376 เสียงสำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรี ต้องหาเสียงจาก ส.ว.มาเติมอีก แต่เท่าที่ประเมินแล้วคงได้ไม่ครบ เพราะมี ส.ว.ส่วนใหญ่อ้างเหตุผล เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ไม่โหวตให้ ขณะเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังมีปัญหาร้องเรียนเรื่อง “ถือหุ้นสื่อ” ถือว่าลูกผีลูกคน รอดยากเสียด้วย หากไม่รอด ถือว่าก้าวไกลจบเห่ เพราะมีแคนดิเดตนายกฯแค่คนเดียวเท่านั้น

เอาเป็นว่าแค่ด่านแรกคือด่าน ส.ว.ก็ไม่น่ารอดแล้ว ไม่ต้องไปถึงเรื่องถือหุ้นสื่อ ก็ไม่น่าถึงฝั่ง สาเหตุและเงื่อนไขดังกล่าวมาทั้งหมด อาจเป็นคำตอบว่าทำไม นายทักษิณ ชินวัตร ถึงกับ “นั่งไม่ติด” ต้องรีบเก็บกระเป๋ากลับบ้านอย่างจริงจัง เพราะคงไม่ใช่ด้วยเรื่องมาเลี้ยงหลานอย่างเดียวแน่ แต่หากไม่รีบมาด้วยเรื่อง “มารับส้มหล่น” พลิกกลายเป็นแกนนำรัฐบาล กุมอำนาจรัฐพร้อมกับ “รื้อพรรค” ครั้งใหญ่ ก่อนจะเจอหายนะในการเลือกตั้งคราวหน้า หากไม่รีบทำอาจหายไปจากประวัติศาสตร์การเมืองไปเลยก็ได้!!



กำลังโหลดความคิดเห็น