จ่อชงกกต. สั่งนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์บางหน่วยใหม่ หลังพบ'คะแนนเขย่ง' พร้อมเร่งสอบ 280 เรื่องคัดค้านเลือกตั้ง พบว่าที่ส.ส. เจอร้องสอยปมซื้อสิทธิ-หาเสียงหลอกลวงใส่ร้าย
วันนี้(4มิ.ย.) สืบเนื่องจากกรณีที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ร้อยละ 95 เพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกและดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลพร้อมกับระบุว่าขณะนี้มีคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง 280 กว่าคำร้อง โดยยื่นตรวจสอบว่าที่ส.ส.ประมาณ 20 คน โดยแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า สำหรับการประกาศรับรองผลตามขั้นตอนของกฎหมาย กกต.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการเลือกตั้งมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งขณะนี้คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งมีเข้ามาประมาณ 280 เรื่อง เป็นคำร้องที่มีทั้งเรื่องหนักและเรื่องเบา บางเรื่องตรวจสอบแล้วไม่มีมูล จึงสั่งไม่รับไว้พิจารณา ส่วนคำร้องที่รับไว้พิจารณาขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ตรวจสอบทั้งเอกสารพยานหลักฐานจากทางผู้ร้องและเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย
แหล่งข่าว ระบุต่อว่า สำหรับผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ส.ส. 500 คน จากการตรวจสอบพบว่าถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบประมาณ 20-30 คน จากทุกพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง ในเป็นประเด็นการซื้อสิทธิขายเสียงและการหาเสียงหลอกลวง ใส่ร้ายป้ายสี ส่วนความหนักเบาของเรื่องจะต้องดูตามข้อเท็จจริงอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ส.ส.ถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบ ตามขั้นตอนกกต.จะต้องสืบสวนข้อเท็จจริง เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 127 กำหนดว่า การเลือกตั้งทั่วไป กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตได้เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด เมื่อมีว่าที่ผู้สมัครส.ส.กว่า 20-30 คน ถูกยื่นร้องให้ตรวจสอบ จึงเป็นสาเหตุที่กกต.ไม่อาจทยอยหรือแยกประกาศผลการเลือกตั้งส.ส. บางเขตไปก่อนได้ แต่ยืนยันว่ากระบวนการประกาศรับรองส.ส.จะเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ชักช้าแน่นอน จะพยายามเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามกรอบระยะเวลาภายใน 60 วัน แต่จะไม่รวบรัดป้องกันซ้ำร้อยกรณีการให้ใบส้มนายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.)
แหล่งข่าวระบุต่อว่า ขณะเดียวกันคาดว่าภายในสัปดาห์นี้สำนักงานกกต.จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมกกต.พิจารณาสั่งนับคะแนนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ เนื่องจากพบว่ามีบางหน่วยผลคะแนนไม่เท่ากับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ลักษณะเหมือนกับว่าผู้มาลงคะแนนกับจำนวนบัตรตรงกัน เมื่อตรงกันเวลานับคะแนนก็ควรจะถูกต้องด้วย ซึ่งกรณีนี้เกิดอาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการขีดซ้ำหรือลืมขีดตอนขานคะแนน ส่งผลให้คะแนนออกมาไม่ตรงกับจำนวนคนที่มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรเลือกตั้ง แบบนี้เรียกว่าคะแนนเขย่ง ไม่ใช่บัตรเขย่ง อย่างไรก็ตาม ตรงนี้มีความสำคัญกับคะแนนของพรรคในส่วนของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากต้องนำคะแนนของทุกหน่วยเลือกตั้งมาคำนวณเพื่อหาจำนวนส.ส. ทศนิยมอาจวิ่งไปวิ่งมาได้ทุกพรรค แต่ไม่ได้สั่งให้นับคะแนนใหม่ทั้งหมด จะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น ดังนั้น เท่ากับว่าขณะนี้จะมี 2 เงื่อนไข คือ 1. การนับคะแนนเขย่งของบัญชีรายชื่อ และ2 .การพิจารณาประกาศรับรองส.ส.แบบแบ่งเขต ซึ่งจะประกาศครั้งแรกได้ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ครบจำนวน เพราะว่ามีผู้ชนะการเลือกตั้งหรือว่าที่ส.ส.ถูกร้องเรียนอยู่ประมาณ 20-30 คน
"ส่วนคำร้องเรียนแบบบัญชีรายชื่อก็มีผล ถ้าในเขตเลือกตั้งนั้นผู้สมัครซื้อเสียงให้กับผู้สมัครบัญชีรายชื่อด้วย เท่ากับว่าคะแนนเขตของพรรคนั้นจะเสียไป จะมีผลเพราะคะแนนบัญชีรายชื่อมันสัมพันธ์กันทั้งประเทศ "แหล่งข่าวระบุ