ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อับดุลหางานให้ "ลุงตู่" โดนด่าฟรีซะงั้น แนะ "พิธา" ดูเป็นตัวอย่าง "นายกฯที่ดี”
ปกติแล้ว "ธนกร วังบุญคงชนะ" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นคนช่างเจรจาพาที ตามภาระหน้าที่ถูกมอบหมายทั้งงานรัฐ งานพรรค ด้วยความสนิทสนมเป็นที่นิยมของสื่อ ใครถามมาก็ตอบไป เรียกว่าเป็น "อับดุล" เอ๊ย!! หญิงรู้จักชายรู้จัก ถามอะไรมาก็ตอบได้
หลังเลือกตั้งที่ฝ่ายขั้วอำนาจเดิมพ่ายแพ้หมดรูปกับฝ่ายตรงข้าม ยิ่งทำให้ “ธนกร” ถูกตั้งคำถามถึงท่าทีพรรค ท่าทีคนในพรรค รวมไปถึงท่าที "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อยู่ทุกวัน ซึ่งนั่นไม่มีปัญหาสำหรับ”อับดุล”อยู่แล้ว แต่ยกเว้นคำตอบที่บอกว่า “ลุงตู่เหนื่อยแล้วพร้อมถอย” ที่ทำเอาเอฟซีลุง หรือ ตัวลุงเองถึงกับเกาหัวแกรกๆ..อยากจะถามกลับ รู้ได้ไง?
มาล่าสุด “ธนกร” คนเดิมเพิ่มเติมคือ ถือโอกาสจะสอนมวย "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ว่าที่นายกฯคนที่ 30 ว่าที่ไปพบกับหน่วยงานข้าราชการต่างๆ ก่อนที่จะเป็นรัฐบาล หากเป็นภาคเอกชนก็สามารถทำได้ แต่หากเป็นส่วนราชการ ควรต้องส่องกระจกดูก่อนดูว่าเหมาะสมหรือไม่
ประเด็นของ “ธนกร” จะชี้ว่า วันนี้รัฐบาลยังอยู่นะจ๊ะ ข้าราชการเองอาจจะอึดอัดก็ได้ อย่างกรณีที่ “พิธา” ออกมาบอกว่า ข้าราชการเป็นผู้ออกมาบอกว่าอยากขอพบเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่ นายกฯได้สอบถามกับข้าราชการแล้ว ก็ไม่มีใครไปขอพบกับพิธาเลย
แล้วเมื่อดูในข้อเท็จจริงก็พบว่า พรรคก้าวไกลต่างหาก ที่เป็นผู้ไปขอพบกับทางหน่วยงานของข้าราชการ ทั้ง อบจ. และเทศบาลต่างๆ ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น
ดังนั้นสิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำ มันกลับหัว กลับหาง บางครั้งมันก็ต้องพูดตรงไปตรงมา เพราะประชาชนก็จับตาดูอยู่
“พิธา” เป็นว่าที่นายกฯ ดังนั้นคำพูดหรือการกระทำจะหมายถึงตัวตนของพิธาเอง เพราะฉะนั้น พิธาต้องปรับตัว ถ้าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี ต้องดู นายกฯประยุทธ์ เป็นตัวอย่าง
พลันที่คำที่ว่า ...ถ้าพิธาอยากจะเป็นนายกฯที่ดี ต้องดูนายกฯลุงตู่เป็นตัวอย่าง...เมื่อเผยแพร่ลงโซเชียลฯ ดรามาก็ตามมาทันที
“ด้อมส้ม”และชาวเน็ตกลุ้มรุมเข้ามาราวกับนัดหมาย สหบาทาถล่มเข้าใส่ “ธนกร” พาลไปด่าถึง “ลุงตู่” ชนิดกรรมการนับแทบไม่ทัน
ทั้งแม่ไม้มวยไทย คำผรุสวาท สัญลักษณ์อวัยวะเบื้องล่าง ประเคนลงจอใต้ช่องความเห็น จะให้ "แดดดี้พิธา" พ่อส้มดูตัวอย่างลุงตู่ นี่น่ะนะ ใช้อะไรคิด ก็รู้ๆอยู่ "มีเรา ไม่มีลุง"
เหมือน “ธนกร” เอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ เหล่า "เสียงข้างมาก" ใครจะทนไหว บ้างก็บูลลี่ ถ้าลุงตู่เป็นนายกฯที่ดีจริง 8-9 ปี ป่านนี้ประเทศชาติเจริญไปไหนต่อไหนแล้ว
นี่ต้องบอกว่า “ธนกร”หวังดี แต่ “ด้อมส้ม”ไม่ถูกใจอย่างแรง สำหรับลุงเองนั้นก็คงคิด รักแท้ลุงไม่ว่า แต่หาเรื่องให้ลุงโดนด่าฟรีๆ บ่อยๆ นี่หัว "ลุงตู่" จะปวดนะจ๊ะ
**ฝันกลางแดด !! “ส.ว.จเด็จ” จุดพลุรัฐบาลแห่งชาติ ... ชาตินี้หรือชาติหน้า
ขณะที่ “รัฐบาลทิพย์” นำโดย “ว่าที่นายกฯพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กำลังเดินสายพบปะตัวแทนภาครัฐ เอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า เพื่อรับทราบปัญหาและแนววทางแก้ไขตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ จาก 8 พรรคร่วม
ล่าสุดยังนัดตัวแทนสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง สมาคมสันนิบาตเทศบาล สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล มาหารือถึงแนวทางกระจายอำนาจ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องบุคลากร
เป็นการเตรียมตัวเพื่อรับช่วงการเป็นรัฐบาลต่อจาก “ลุงตู่” โดยไม่สนใจเสียงวิพากวิจารณ์ ว่า “ว่าที่นายกฯพิธา” จะฝ่าด่านส.ว. และด่านเรื่องถือหุ้นสื่อ ไปถึงเก้าอี้นายกฯ หรือไม่ และหากไม่ผ่าน การตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าต่ออย่างไร พรรคเพื่อไทย จะขึ้นมาเป็นแกนนำแทนหรือไม่ แล้วยังจะกอดคอพรรคก้าวไกลไปด้วยไหม หรือจะผลักไสให้ไปเป็นฝ่ายค้าน จะมีม็อบตามมาหรือไม่ ถ้ามีฝ่ายประชาธิปไตย คงจะต้องปราบฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเอง แล้วทหารจะออกมาเป็นกรรมการหยาศึกตามพลอตที่วางไว้หรือไม่...
จังหวะนี้เอง “จเด็จ อินสว่าง” ส.ว. ก็ออกมาจุดพลุเรื่อง “รัฐบาลแห่งชาติ” เพราะเห็นว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่โหวตให้ “พิธา”เป็นนายกฯแน่ ด้วยจุดยืนเกี่ยวกับ ม.112
“ส.ว.จเด็จ” บอกว่าสิ่งที่จะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดในสถานการณ์เป็นอยู่นี้คือ “รัฐบาลแห่งชาติ” ให้แต่ละพรรคนำข้อดีของตนเอง มาร่วมทำงานเพื่อบ้านเมือง สร้างความแข็งแกร่งของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เน้นไปที่ความมั่นคงของชาติ
เมื่อถูกถามว่าขั้นตอนจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะตามกติกามีเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ทั้งการโหวตนายกฯ ส.ว.จเด็จ บอกว่า “สามารถงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่มีปัญหาได้ เพื่อเป็นทางออก การเมืองไทยไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ชาติ”
การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม หากห้ามก็งดใช้ ผมเชื่อว่ามีหนทางทำได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่...เป็นรัฐบาลรวมทุกพรรค ทั้งรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ก็เอาส่วนที่ดีมารวมกันเพื่อรักษาประโยชน์ ประสานความคิด จะทำให้ประเทศไทยแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง เลิกคิดได้แล้วที่ว่า “มีลุง ไม่มีเรา” ในทางการเมืองเราต้องรวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน!!
เมื่อ “ส.ว.จเด็จ” จุดพลุรัฐบาลแห่งชาติ ก็ปรากฏว่า ไม่มีใครเห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นขั้วไหน แม่กระทั่ง ส.ว.ด้วยกันเอง
อย่างเช่น “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาฯพรรคก้าวไกล ที่กำลังทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลอยู่ในตอนนี้ บอกว่า เสนอได้ แต่คงไม่ใช่ทางออกที่ดี รัฐบาลที่ดีควรมีฝ่ายค้าน ไว้สำหรับตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ เพื่อไม่ให้สุ่มเสี่ยงกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ
“รังสิมันต์ โรม” โฆษกพรรคก้าวไกล บอกว่า ประเทศเราไม่ได้เจอวิกฤตที่ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ คืนความเป็นปกติให้สังคม ยอมรับมติมหาชนจากการเลือกตั้ง และเมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้ว จึงค่อยๆ ถอดสลักและอุปสรรคต่างๆ ขอให้พรรคก้าวไกลได้ทำงานพิสูจน์ตนเอง หากประชาชนไม่เห็นด้วย การเลือกตั้งรอบหน้า เราก็ไปต่อไม่ได้
“ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่งเสียงลั่นว่าเป็นไปไม่ได้ ฝันกลางแดด จะยกเว้นรัฐธรรมนูญ ถามว่าเอาอำนาจอะไรไปยกเว้น คนยกเว้นจะเจอข้อหาจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คนเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี จะกล้าลงนามรับสนองฯหรือไม่ พอเถอะ อย่าไปคิดให้เปลืองสมองเลย
“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย บอกว่า การจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติในตอนนี้ ถือว่าไม่เคารพเสียงของประชาชน ที่เพิ่งเลือกตั้งกันมา ทุกพรรค รวมทั้งส.ว.เอง ก็พูดอยู่ตลอดเวลาว่า จะเคารพเสียงของประชาชน แต่ถ้าไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และเลือกใช้วิธีพิเศษเข้ามา อาจจะนำประเทศไปสู่ความวุ่นวายได้
“เสรี สุวรรณภานนท์” ส.ว. บอกว่า ความหวังดีนี้ มันก็ดีในมุมหนึ่ง แต่เกิดขึ้นยากในสภาพปัจจุบัน ถ้าเกิดได้ก็ดี แต่ดูองค์ประกอบเงื่อนไขแล้ว เป็นไปได้ยาก การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ คือหาทางอื่นไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีเส้นทางของตัวเองอยู่เยอะ ซึ่งในการประชุมกมธ.การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ซึ่งตนเป็นประธาน จะมีการประชุมในวันที่ 6 มิ.ย. นี้ ก็จะนำเรื่องนี้มาพูดคุยกัน
“ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ บอกว่า เข้าใจว่าผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อาจจะเป็นห่วง ไม่อยากให้ประเทศติดหล่ม หรือมีปัญหาขัดแย้งกันรุนแรง จึงเสนอแนวทางนี้ แต่ส่วนตัวตนมองว่า ควรปล่อยให้เป็นรัฐบาลปกติตามระบอบประชาธิปไตยดีกว่า เพราะเพิ่งเลือกตั้งมา
หากบ้านเมืองติดหล่ม มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเข้ามาเป็นตัวแทนในรัฐบาลแห่งชาติ นายธนกร บอกว่า เป็นเรื่องไกลเกินไป เป็นอนาคตที่ไกลมาก
“วิทยา แก้วภราดัย” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า “ส.ว.จเด็จ” มีข้อมูลอะไร ถึงออกมาพูดช่วงนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเสนออะไรในช่วงนี้ เพราะยังไม่มีการรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียด้วยซ้ำ
หรือเป็นเพราะส.ว.จเด็จ ตกใจที่ 2 พรรคใหญ่ เขาเล่นเกมกันอยู่หรือเปล่า จึงมีข้อเสนอนี้ออกมา
สำหรับ “จเด็จ อินสว่าง” ปัจจุบันอายุ 76ปี เป็น ส.ว.ที่เลือกมาโดย คมช. มีตำแหน่งเป็น รองประธาน กมธ.การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน และ กมธ.ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ วุฒิสภา จบปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ เคยเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วข้อเสนอของ “ส.ว.จเด็จ”จะเป็นผลหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังมีเวลาตั้งรัฐบาลกันได้ถึงเดือนสิงหาคม