ปธ.สหพันธ์การขนส่งฯ ยื่นหนังสือ “วิโรจน์” ช่วยแก้ปัญหา “ส่วยสติกเกอร์” รถบรรทุก พร้อมมอบเอกสารโยงบุคคลที่ทุจริต เจ้าตัวระบุเป็นการทุจริตระดับหมื่น ล. ต้องเอาเทคโนโลยีมาใช้จริงจังตัดเรื่องดุลพินิจ พร้อมยกเลิกซื้อขายตำแหน่ง
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการหารือ และรับหนังสือจาก นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่พรรคก้าวไกลได้รับเกียรติจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่เป็นสะพาน ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของประกอบการการขนส่งถึง 10 สมาคม เป็นเกียรติอย่างสูงที่พวกเราได้ทำงานร่วมกัน ทั้งในเรื่องของการกำจัดปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงมาก และจะถูกผลักภาระไปยังภาคสินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆ รวมทั้งทำให้ถนนเสียหาย และเป็นความเสี่ยงของประชาชนผู้ใช้ถนน
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทุกคนคงตั้งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวง แต่นอกจากนี้ ยังมีตำรวจภูธร หรือตำรวจในพื้นที่ที่ดูแลการจราจรบางท่านยังมีการกระทำดังกล่าวอยู่ ต้องยอมรับว่า เรายังต้องพูดถึงตำรวจภูธรอีก จากที่ประชุมพบว่าตำรวจทางหลวงบางท่านที่เป็นปัญหาก็ได้ยุติไปชั่วคราวแล้ว แต่ในบางพื้นที่ยังพบว่ามีตำรวจภูธรยังชะล่าใจและกระทำอยู่ “ตนขอบอกว่าเลิกเถอะ” และในส่วนของสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ที่มีส่วนเกี่ยวพันด้วยนั้น ตนคงจะไปบอกว่าให้เปลี่ยนทั้งหมดหรือเป็นทุกคนคงไม่ได้ ต้องย้ำว่าปัญหาเป็นที่ระบบ โดยคาดว่าความเสียหายอยู่ในระดับหมื่นล้าน เรื่องการทุจริตนี้ คิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของการทุจริตทั้งหมดในประเทศไทย
โดยวาระสำคัญของการประชุม คือ การสืบสาวราวเรื่องของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเราจะรวบรวมและส่งข้อมูลไปให้กับสำนักงานจเรตำรวจ และนายจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับผู้บังคับการกองบังคับ การป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ที่ได้รับตำแหน่งรักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวงในขณะนี้
นายวิโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหานี้ยังคงมีเรื่องของกฎระเบียบจุกจิกที่ยังเป็นปัญหาอยู่ การทบทวนการแก้ไขข้อกฎหมายยังเป็นภาระหน้าที่ และการร่วมกันทำงานของพรรคก้าวไกล และสมาพันธ์ฯ ตนทำคิดว่าคงต้องเอาเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง เพราะหากตัดปัญหา เรื่องที่ต้องใช้ดุลพินิจออกไป ปัญหาคอร์รัปชั่นก็จะหมดไปโดยปริยาย และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องการยกเลิกการซื้อขายตำแหน่ง และระบบตั๋วของตำรวจ ตนเชื่อว่าถ้าสิ่งนี้หมดไป การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันก็จะยั่งยืน
ด้าน นายอภิชาติ กล่าวว่า ขอบคุณที่ให้เรามายื่นหนังสือ กระบวนการส่วยอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2539 และพัฒนาความรุนแรงขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ตนขอถามว่า ที่ผ่านมาสหพันธ์หรือสมาคมทำอะไรอยู่ ทำไมจึงแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ ซึ่งการพัฒนาของส่วยสติกเกอร์มาจากการที่มีสื่อมวลชนเจ้าหนึ่งแอบถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะที่เรียกรับสินบนจากรถบรรทุกไว้ได้ และได้เผยแพร่เป็นข่าวออกไป การเก็บส่วยตามท้องถนนจึงหมดไป แต่มีการพัฒนาเป็นแผ่นสติกเกอร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเคลียร์ทาง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายได้อย่างสะดวก
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ตนอยู่ตรงนี้มา 20 กว่าปีแล้ว ร้องเรียนมาทุกกระบวนการ ตั้งแต่นายกฯ ผบ.ตร. รมต.คมนาคม แต่นายวิโรจน์ ได้นำปัญหานี้มาบอกกับประชาชน และตรวจสอบ จนทำให้เกิดการโยกย้ายตำแหน่งในตำรวจทางหลวง การขนส่งเป็นหัวใจสำคัญเป็นเส้นเลือดใหญ่ หากมีปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องขนส่งไปยังทั่วประเทศจะติดขัด หากยังมีระบบส่วยอยู่ จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องของราคาพลังงาน รัฐบาลที่แล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ส่งผลให้สินค้าดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราพยายามร้องเรียนไปทุกกรม กอง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข
นายอภิชาติ ยังได้เปิดเผยถึงวิธีการในการจำหน่ายส่วยสติกเกอร์ของตำรวจอีกด้วยว่า จะมีตำรวจระดับล่าง ตั้งแต่ยศนายสิบ เรียกรถเข้าไปตรวจพร้อมกับให้เบอร์โทรศัพท์ โดยบอกว่า ให้โทร.ไปเคลียร์กับ “เจ้านาย” ซึ่งหากไม่ทำตามจะถูกกดดัน และถูกตรวจค้น และหาข้อกล่าวหาที่ทำให้เราผิด และในส่วนของราคาส่วยสติกเกอร์มีหลายระดับและราคาตั้งแต่ 3,000-5,000 บาท ไปจนถึงระดับพรีเมี่ยม 25,000-27,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิชาติ ยังได้นำเอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในเรื่องนี้มามอบให้นายวิโรจน์อีกด้วย และจะนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อไป