โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงใยสุขภาพประชาชนจากโรคความดันโลหิตสูง เตือนหมั่นตรวจเช็คดูแลสุขภาพ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม ลดเครียด เพื่อยืดชีวิตให้ยืนยาว
วันนี้ (29 พ.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามฐานข้อมูลสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 ที่พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยจากโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ จำนวน 507,104 คน โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใยสุขภาพประชาชนจากโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งจากข้อมูลของกรมควบคุมโรคระบุว่า โรคความดันโลหิตสูง หรือ Hypertension เป็นโรคที่มีความสำคัญ ถือเป็น “ฆาตกรเงียบ” เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการ อาจตรวจพบโดยบังเอิญขณะไปตรวจรักษาโรคอย่างอื่น จนทำให้หลายคนต้องเสียชีวิตจากโรคนี้ แต่สามารถตรวจพบได้จากการวัดความดันโลหิตเป็นประจำ จึงแนะนำประชาชนควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ รวมถึงลดอาหารหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดดื่มแอลกอฮอล์ ลดความเครียด รู้จักปล่อยวาง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคความดันโลหิตสูง
“ข้อมูลของกรมควบคุมโรคระบุว่า โรคความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ความดันโลหิตสูงกว่าปกติ เท่ากับหรือมากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งค่าความดันโลหิตของคนปกติคือ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงทำให้มีอาการต่าง ๆ ได้แก่ ปวดศีรษะ ใจสั่น ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย วิงเวียน สับสน หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดปกติ ทั้งนี้ ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานและไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ความรุนแรงของโรคจะเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต แต่หากได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มต้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต พร้อมติดตามวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดียิ่งขึ้น และลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้เป็นอย่างดี” นายอนุชากล่าว
ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 6.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 2 แสนคน ส่วนในปี 2566 ประเทศไทยมีผู้ป่วยจากโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ จำนวน 507,104 คน