ข่าวปนคน คนปนข่าว
** สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร!!? “อุ๊งอิ๊ง” ลั่นพรรคอันดับหนึ่งจะต้องจัดตั้งรัฐบาล “พิธา” ได้ทีประกาศ “มีลุงไม่มีเรา” ทำก้าวไกลแรงเกินต้าน! แลนด์สไลด์ กทม.ปิดประตูร่วม “ตู่-ป้อม” ที่ต้องรับสภาพไม่มีสิทธิ์ เป็นแกนนำ
ผลการเลือกตั้ง 2566 ที่เห็น และกำลังจะเป็นไปในขั้นตอนจัดตั้งรัฐบาลต่อไป น่าสนใจยิ่ง
เบื้องต้น ผลปรากฏว่า หลังปิดหีบเริ่มนับคะแนน สังคมได้เห็น “บิ๊กเซอร์ไพร้ส์” อ้าปากตาค้างกันเป็นทิวแถว กับปรากฏการณ์ “ส้มทั่วแผ่นดิน” คะแนนของ “ตัวตึง” ก้าวไกล ก้าวนำหน้า “เพื่อไทย” ที่เป็นตัวเต็ง ไปแบบพลิกความคาดหมายในหลายๆ พื้นที่ แม้จะเป็นพื้นที่ “เซฟโซน” เมืองหลวงของ “แดง” เช่น เชียงใหม่ หรือ จะเป็นอุดรธานี ก็ยังถูกเจาะไข่แดง
ผลอย่างไม่เป็นทางการจาก กกต. ณ เวลา 20.57 น. หรือนับคะแนนไป 20% ผลคะแนน พรรคอันดับหนึ่ง ได้แก่ เพื่อไทย อันดับสอง ก้าวไกล อันดับสาม ภูมิใจไทย อันดับสี่ พลังประชารัฐ และ อันดับห้า รวมไทยสร้างชาติ
ที่เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กัน ก็คงไม่พ้น คะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล ที่พอเปิดหีบเริ่มนับคะแนน ก็นำโด่ง กระแสแรงเกินต้านทั่วประเทศ ข่มเพื่อไทย ที่คุยฟุ้งจะแลนด์สไลด์ โดยเฉพาะ กทม.เกิดปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล โนเนมถีบเจ้าของเก่าอี้เดิมจาก “พรรคใหญ่-บ้านใหญ่” กระเด็นระเนระนาด
จาก 33 เขต กทม. ก้าวไกล ชนะเลือกตั้งไปถึง 28 เขต และกระแสยังลามไปปริมณฑล เช่น ที่สมุทรปราการ อีกด้วย
ต้องบอกว่า ภาพรวมการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่าครั้งประวัติการณ์ ที่ ประชาชนตื่นตัวทำหน้าที่ใช้สิทธิใช้เสียง โดยกลุ่ม “นิวโหวตเตอร์’ วัยละอ่อน ที่อายุได้ใช้สิทธิอาจจะเป็นฐานเสียงให้ก้าวไกลมากกว่าที่คิด ขณะที่ กทม.ก็รู้กันว่ามากับ “กระแส” ที่มาจากแคมเปญ “มีเราไม่มีลุง”
ทั่วประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่แปดโมงเช้า กระทั่งปิดหีบห้าโมงเย็น
ช่วงเวลาหลังปิดหีบ เป็นช่วงเวลาหัวใจเต้นแรง บรรดาแกนนำ กรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.พรรคต่างๆ ต่างจับกลุ่มตั้งวอร์รูม ลุ้นผล เตรียมสถานที่รอแถลงข่าว-ให้กองเชียร์มารวมตัว
รวมไทยสร้างชาติ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค เดินทางเข้าพรรค ถือฤกษ์เอาช่วงหลังหกโมงเย็น หลังจากเห็น “เค้าลาง” พรรคของพี่ตู่ ออกจะบู่ๆ ขณะที่ เพื่อไทย และก้าวไกล น่าจะเป็นพรรคอันดับ 1 และ 2 เมื่อสื่อถามว่า อยากจะบอกอะไรกับพรรคอันดับ 1 และ อันดับ 2 พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ไม่บอกอะไร จะต้องไปบอกอะไรเขาเล่า ไม่ต้องไปบอกอะไรเขาหรอก ไม่ต้องไปเกี่ยวข้อง”
ส่วน พลังประชารัฐ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นำลูกพรรคปักหลักที่พรรคลุ้นผลคะแนนด้วยบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบหงอย โดย “ลุงป้อม” พูดสั้นๆ แค่เพียงว่านับคะแนนยังไม่จบ อย่าเพิ่งสรุป
ดูจากมติมหาชนเสียงของประชาชนที่ให้ทั้ง “สองพรรค-สองลุง” ก็ต้องบอกว่า ไม่พอจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ หมดสภาพพรรคใหญ่ที่เคยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเมื่อครั้งที่แล้วกันไป จากนี้ไปต้องเป็นฝ่ายให้พรรคที่มีคะแนนนำเป็นผู้เลือก จะจับหรือไม่จับขั้วกับสองลุง
ส่วน ภูมิใจไทยของ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ปรากฏตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินลายใบกัญชา ปักหลักลุ้นผลการเลือกตั้งอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ ถ้าคะแนนของพรรคหมอหนู ไม่มีอะไรผิดพลาด ครั้งนี้เป็นไปตามคาด ด้วยจำนวน ส.ส.ที่อยู่ในมือ ก็เชื่อว่ายังจะเป็น “ตัวแปร” ในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างแน่นอน
ด้าน เพื่อไทย “แพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมดเวลาการเลือกตั้ง เดินทางเข้าพรรคในเวลาใกล้เคียงกัน ฟังว่า “อุ๊งอิ๊ง” ยืนยัน ทุกฝ่ายควรเคารพเสียงประชาชน และหลักการสำคัญ คือ พรรคอันดับหนึ่งจะต้องจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ เศรษฐา ยังสงวนท่าทีจะได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ ว่า ขึ้นอยู่กรรมการบริหารพรรค จะเลือกใคร ตอนนี้การเดินทางเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ส่วนก้าวไกล ที่ฟอร์มแรง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี บอกว่า ที่ผ่านมา ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ในทุกมิติเต็ม 100% ทั้งสมองและสองมือ ส่วนเรื่องการลงคะแนนเสียงนั้น เป็นมิติของประชาชน และต้องรอคะแนนอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่พรรคอันดับหนึ่งนั้นจะได้สิทธิการจัดตั้งรัฐบาล หรือใครได้เป็นที่หนึ่ง ก็มีสิทธิได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งสมการทางการเมืองจะเป็นอย่างไร พรรคก้าวไกลจะเอาความต้องการของประชาชนมาเป็นที่ตั้งสำคัญ
เบื้องหลังคะแนนดีเกินคาด “พิธา” ระบุว่า เป็นเพราะบริหารแคมเปญที่ผ่านมาไปตามเป้าหมาย ตอนนี้ที่พอจะสรุปได้ ใน กทม.เป็นไปตามคาด ส่วนใน ตจว. ดีกว่าที่โพลออกมา
แน่นอนว่า แคมเปญที่ส่งให้ก้าวไกล ก้าวมาไกล มาจาก “มีเรา ไม่มีลุง” นั่นเอง ซึ่ง “พิธา” ยืนยันว่า การเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลยังไงก็ต้องทำตามที่รณรงค์ไว้ มีเราไม่มีลุง ขอคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อน และปิดประตูร่วมรัฐบาลจะไม่จับ ขั้วพรรคลุงตู่-ลุงป้อมแน่ๆ
นี่เป็นความเคลื่อนไหวของ 5 พรรคใหญ่ ที่สู้ขับเคี่ยวกันมาตลอดเวลาช่วงหาเสียง คะแนนจากประชาชน สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ทั่วประเทศต้องการ “เปลี่ยนแปลง” จากอำนาจรัฐที่อยู่ในมือ “สองลุง” ลุงตู่-ลุงป้อม มายาวนานกว่า 8 ปีเสียที ซึ่งในโลกโซเชียลฯ ตอบรับผลเลือกตั้งด้วยการยินดี ที่พรรคฝ่ายค้านนำหน้าพรรคของลุงๆ ส่งผลให้แฮชแท็ก “เริ่มใหม่ไทยแลนด์” พุ่งติดเทรนด์
ทว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่เชื่อกันว่า น่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร เพื่อเจรจาต่อรองเงื่อนไขใครจะจับกับใคร
เฉพาะเงื่อนไขที่ว่ากันว่าจะเป็น “ระเบิดเวลา” คือ คดีทุจริตการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการซื้อเสียง ที่ตำรวจจับได้คาหนังคาเขา พร้อมหลักฐาน 4 คดี ส่วนอีก 4 คดีอยู่ ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน ว่าเข้าข่ายการซื้อเสียงหรือไม่ คดี 8 คดี เกิดใน 8 จังหวัด บึงกาฬ อยุธยา พิจิตร สงขลา นครพนม กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา ซึ่งคดีดังกล่าวจะต้องสืบสวนขยายผล มีผู้ร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่
หากในทางการสอบสวนขยายผล แล้วเชื่อมโยงไปถึงกรรมการบริหารพรรค นั่นหมายถึง การยุบพรรค จะตามมาแน่!!
ในอดีตกรณีแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น การยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งทำให้ประเด็นนี้จะมองข้ามไม่ได้ ปัจจัย และเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ยังอาจจะพลิกผันก็เป็นได้
ใครที่ เฮก่อน อาจจะ โฮตามหลัง ใครจะแจ๊กพอต ตายตอนจบ ขั้วเดิมจะมี “หมากพิสดาร” อะไรช่วยให้กลับคืนสืบทอดอำนาจ สมการการเมืองว่าด้วย ปัจจัยและจำนวน ส.ส. ใครจะจับขั้วกับใคร? นั้นอะไรๆ ยังไม่แน่ไม่นอน มีคำพูดว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” ฉันใด งานนี้ต้องติดตามอย่ากะพริบตา!