“อภิสิทธิ์” ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย พรรคประชาธิปัตย์ ปลุกคนกรุงอย่าเลือกเพราะเกลียด-กลัว แต่ยึดประเทศเป็นตัวตั้ง ยัน ปชป.ไม่มีเจ้าของเหมือนพรรค 2 ลุง พรรคเสี่ย หรือ พรรคคนแดนไกล ย้ำเลือกตั้งหนนี้กาบัตร 2 ใบ แต่ไม่ใช่เซียนเคาะใครได้ตั้งรัฐบาล แต่เชื่อว่าวุ่นวายเพราะกติกาที่ออกแบบมา
วันนี้ (12 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยบนเวทีครั้งสุดท้าย ณบริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ว่า ก่อนเข้าสู่การเมืองตนอายุ 27 ปี ไม่มีสตางค์ ไม่มีอิทธิพล แต่มาใกล้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ประชาชนให้การสนับสนุน ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณประชาชนและพรรคที่สังกัดตลอดไป ตนอยากมายืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนกับพรรคอื่นแน่นอน เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ ขณะที่พรรคอื่น ถ้าเอ่ยชื่อก็จะร้องอ้อ รู้เลยว่าตั้งขึ้นมาไว้สนับสนุนลุง อีกพรรคก็มีลุงอีกคน ส่วนอีกพรรคเป็นของเสี่ย และอีกพรรคมีคนแดนไกลกำกับอยู่หรือเปล่า แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรอย่างนั้นแน่นอน เพราะ 78 ปี พรรคประชาธิปัตย์มีไว้เพื่อสืบสานอุดมการณ์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล แต่มีประชาชนเป็นเจ้าของ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ตนไม่ได้ไปร่วมร่างนโยบายกับพรรค แต่รู้ว่าสิ่งที่กำหนดออกมามีการหารือกับนักการเมืองของพรรคที่ล้วนแต่เป็นตัวแทนของประชาชน แล้วกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศไทย ดังนั้นนโยบายของพรรคบางทีไม่ตื่นเต้นเร้าใจ และไม่มีลดแลกแจกแถมเหมือนคนอื่น การเลือกตั้งเที่ยวนี้พี่น้องอ่านแล้วตาลายเพราะนโยบายเยอะจริงๆ แต่หลายเรื่องเราต้องดูประวัติความเป็นมา เช่น นโยบายผู้สูงอายุ เดี๋ยวนี้มีทั้งบำนาญ กองทุนสารพัด เพราะคนไทย 100 คน จะมีผู้สูงอายุ 20 คน ก็ไม่แปลกที่มีนโยบายออกมา แข่งขันกันใหญ่ แต่ 30 ปีที่แล้ว ผู้สูงอายุมีไม่มากนายชวน หลีกภัย ขณะเป็นนายกฯ ก็อนุมัติเบี้ยผู้สูงอายุให้เป็นปีแรก 300 บาท ต่อมาตนเป็นนายกฯ ก็ปรับให้เป็น 500 บาท ดังนั้น ไม่ว่าประชาชนจะเชื่อนโยบายใคร แต่คนที่คิดทำก่อน คือ พรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น อย่าเอาความกลัวเกลียดเป็นตัวตั้งแต่ให้นึกถึงประเทศเป็นตัวตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกนี้ ยืนยันว่าคนที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์มีทุกรุ่นที่จะช่วยประเทศได้ทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องกาบัตรสองใบ ตนไม่ใช่เซียนการเมือง ได้ดูโพลบ้าง แต่ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใครจะได้จัดรัฐบาล แต่พอจะมองเห็นความวุ่นวายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นกับกติกาที่ออกแบบมา ตนยืนยันได้เพียงว่าเลือกประชาธิปัตย์ เราจะเป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้ เลือกประชาธิปัตย์เราจะช่วยฝันฝ่าวิกฤตต่างๆ ได้ จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราทุ่มเททำงานให้กับประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจจริตและจะสืบทอดอุดมการของประชาธิปัตย์ตลอดไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยืนยันได้ว่า ชีวิตตนอยู่กับการเมืองมาตลอดชีวิตเป็นสิ่งที่ตนรัก และชอบใช้ชีวิตที่มีความสุขกับการติดตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองด้วยความสุขใจ เมื่อได้โอกาสจากประชาชนและพรรรคตนก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อใดจังหวะเวลาไม่ใช่ก็พร้อมจะถอยให้คนอื่นสามารถทำงานได้ นี่คือ ความเป็นนักประชาธิปไตยที่ประชาธิปัตย์สั่งสอนมา ดังนั้น ตนไม่รู้ว่าสภาจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ เลือกตั้งครั้งหน้าอีก 4 ปี หรืออาจจะสั้นกว่า นั้นไม่รู้ว่าวันนั้นตนจะอยู่ในสถานะอะไร แต่รู้แน่ว่าตนยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตราบเท่าที่ประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ในวันที่ก่อตั้งเมื่อ ปี 2489 และตราบเท่าที่ตนเป็นสมาชิกพรรค เลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคสั่งตนก็ต้องมา อายุก็จะมากขึ้นหน่อย แต่ความหล่อก็จะเพิ่มขึ้น และความรักความผูกพันที่มีให้กับประชาชนไม่มีวันลดลงแน่นอน เพราะนี่คือประชาธิปัตย์ของพี่น้อง ดังนั้น 14 พ.ค.อย่าลังเล ขอให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้งสองใบ