ภท.ปราศรัยใหญ่เมืองหลวง ขอแจ้งเกิด “พุทธิพงษ์” เชื่อ “อนุทิน” อยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้ง ไม่สนลุงหลานตีกัน ทำงานลูกเดียว เจ้าตัวแซะพ่อค้าอย่ารีบร้อนเป็นนายกฯ สอนมวยต้องสะสมประสบการณ์ เปรียบกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จวันเดียว “ชูวิทย์” ป่วนต่อปักหลักบนทางด่วน เจอโห่ไล่ฉะรับจ้างถล่มพรรค
วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 17.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่บริเวณลานหน้าห้างสรรพสินค้าโชว์ดีซี ถ.พระราม 9 นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย แกนนำพรรคคนอื่นๆ อาทิ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. เพื่อแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต พร้อมกับปราศรัยใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้
จากนั้น เวลา 17.45 น. น.ส.อิสราพร บูรณอรรจน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะคนรุ่นใหม่ของพรรค ปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า เมื่อตนตัดสินใจลงสนามการเมือง จำเป็นต้องเลือกพรรคที่มีวิธีคิดเช่นเดียวกับตัวเอง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเป็นหนึ่งในพรรคที่ทำตามนโยบายได้มากที่สุด การเลือกตั้งครั้งนี้ก็เช่นกันที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอนโยบายที่ทำได้จริง และเป็นหนึ่งในพรรคที่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง เราคิดก่อนพูด ไม่หลอกลวงประชาชน
ขณะที่ นายอิทธิเดช สุพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 15 ปราศรัยตอนหนึ่งว่า อาชีพที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้มากที่สุดคืองานการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองในอุดมคติของตน คือ พรรคภูมิใจไทย ที่สามารถทำตามนโยบายที่พูดได้ วันนี้ประเทศต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งวันนี้นายอนุทิน คือ คนๆ นั้น วันนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านเลือกพรรคภูมิใจไทย และผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย
จากนั้น เป็นการปราศรัยของอดีต ส.ส.ในพื้นที่ กทม. ประกอบด้วย นายมณฑล โพธิ์คาย ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 22 สวนหลวง-ประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน) กล่าวว่า วันนี้ตนมีความสุขมากที่เห็นประชาชนมาให้กำลังใจ และรับฟังนโยบายของพรรค 3 ปีที่ผ่านมา เกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รับผลกระทบ 4.5 แสนคน เสียชีวิต 3 หมื่นกว่าคน ตนมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน ช่วงนั้นตนไม่เคยทิ้งประชาชน แต่ลงไปช่วยเหลือตลอดมา อีกไม่กี่วันคือวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยเลือกให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคภูมิใจไทยทั้ง 33 เขต โดยเฉพาะเขตสวนหลวง-ประเวศ ขอให้เลือกมณฑลคนเดิมได้กลับมารับใช้พี่น้องประชาชน
ขณะที่ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 คลองเตย-วัฒนา กล่าวว่า วันที่ 14 พ.ค. เป็นวันที่ท่านจะกำหนดอนาคตของท่านเอง ขอฝากพรรคภูมิใจไทยไว้ในอ้อมใจ ส่วนที่ย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย เพราะช่วงที่อยู่ในสภาได้คุยกับหัวหน้า และ ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ก็มีความปลื้มอยู่ในใจ เพราะว่ามีเอกภาพ และสนับสนุน ส.ส.ของพรรคในการทำงานอย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจไม่ยากในการตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ตนขอฝากชาวคลองเตย-วัฒนา ตนทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนมาตลอด ประเทศต้องเดินหน้า เราอยากให้พรรคภูมิใจไทยตอกเสาเข็มในพื้นที่ กทม. เราก็จะเห็นความเจริญอย่างยั่งยืนของ กทม.
ด้าน นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 5 ห้วยขวาง-วังทองหลาง (ยกเว้นแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์) กล่าวว่า ตลอดเวลา 33 ปี บนถนนการเมือง ตนมีความตั้งใจที่จะทำงานให้พี่น้องประชาชนภายใต้จุดยืนของพรรค ส่วนการที่ตนตัดสินใจร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพราะตอนที่เป็น ส.ส.ตนได้อภิปรายเรื่องทุจริตบัตรทองในพื้นที่ กทม. ซึ่ง นายอนุทิน ในฐานะรมว.สาธารณสุข ได้ฟังตนอภิปรายกระทั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ท่านให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพของประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องมาก่อน
“หวังใจอย่างยิ่งว่า พี่น้องจะให้โอกาสผู้สมัครของพรรคทั้ง 33 เขต ที่ประกอบไปด้วย ความหลากหลาย ขอให้พวกเราได้ปักธงใน กทม.” นายประเดิมชัย กล่าว
จากนั้น เวลา 18.30 น. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยมั่นใจมาก เราไม่สนกระแส เพราะเรามั่นใจในตัวพี่น้องประชาชน วันนี้อนุทินอยู่ตรงกลางเดินกน้าแก้ปัญหาไม่สนใจใครเลย วันนี้พี่น้องกลับไปขึ้นแฮชแท็กเลย “อนุทินไปต่อไม่รอแล้ว” ปล่อยให้ลุงกับหลานเขาทะเลาะกันไป เพราะวันนี้ปัญหาของพี่น้องประชาชนมีเยอะ นายอนุทินจึงขอเดินหน้าทำงานให้พี่น้องประชาชนลูกเดียว
“มีคนปรามาสหัวหน้าพรรค และตน ว่า ไม่เคยมี ส.ส.ใน กทม. อยู่บ้านนอกดีแล้ว ซึ่งหัวหน้าพรรคบอกอย่าไปโต้เถียงหรือว่าใคร ให้ตั้งใจทำงานการเมืองแบบใหม่ คือ พูดเรื่องที่อยากทำ อยากตั้งใจแก้ปัญหาให้ประชาชน ขณะนี้มีบางคนอ้างว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ คิดใหม่ แล้วขอให้เลือกเขา แต่จะใหม่ได้อย่างไร เพราะไปขึ้นเวทีไหนก็ไปด่าพ่อล่อแม่คนอื่น แต่คนที่ใหม่จริงๆ คือ เรา เพราะนายอนุทินสั่งทุกคนว่าเวลาขึ้นเวทีอย่าด่าคนอื่น แต่ให้พูดถึงสิ่งที่จะทำให้ประชาชน เราไม่เอาความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร แต่ก็มีคนมาพูดว่าพรรคภูมิใจไทยอยู่กับใครก็ได้ ทำไมไม่ถามหัวหน้าของผมเลย ว่าไม่ใช่อยู่กับใครก็ได้ เพราะเราไม่เอาแก้มาตรา 112 เราต้องรู้คุณแผ่นดิน พวกเราภูมิใจไทยพร้อมยืนหยัดปกปักรักษา 3 สถาบันหลัก ไม่มีใครชัดเจนกว่านี้แล้ว หัวหน้าผมไม่ค่อยพูดแต่ทำอย่างเดียว ไม่เหมือนใครบางคนที่พูดอย่างเดียว” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
จากนั้น เวลา 18.50 น. นายอนุทิน ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวว่า จากที่ตนต่อสู้มาตลอด เพราะอยากมี ส.ส.กทม.ในครั้งนี้ ตนก็กล้าๆ กลัวๆ มาตลอด แต่เห็นพี่น้องวันนี้แล้วมั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้เกิดในพื้นที่กทม.แน่นอน ตนจะสวดมนต์ว่าขอให้พี่น้องเข้าคูหากาเบอร์ 7 และกาให้คนของพรรคภูมิใจไทย เราทำงานมา 4 ปี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเรายึดกรอบเดิมๆ ว่าจังหวัดไหนไม่เลือกจะไม่ทำงานให้ แต่เราคิดตรงกันข้าม เพราะจังหวัดไหนไม่เลือกยิ่งต้องทำงานให้เขาเลือกเราจนได้ เรายึดคติตื๊ดครองโลก ตื๊อด้วยการทำงาน ไม่ใช่ตื๊อด้วยการด่าทอต่อว่าพรรคอื่น
“การทำงานเพื่อประชาชนต้องมีประสบการณ์ มีความตั้งใจ ไม่ใช่ขายของอยู่จะมาเป็นนายกฯได้อย่างไร กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว กรุงเทพฯยิ่งใหญ่ เพราะต้องมีประสบการณ์มาทำงาน จึงขอให้ใจเย็นๆ เพราะจะมารับใช้บ้านเมือง ต้องอย่ามองประชาชนเป็นเสาไฟฟ้า วันนี้เขาเข้าถึงข้อมูลข่าวสารแยกแยะได้ เชื่อว่า ประชาชนเห็นการทำงานของพรรคภูมิใจไทยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ว่าพูดแล้วทำ” นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย นายอนุทิน ได้สั่งให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้งหมดของพรรคที่อยู่บนเวทีก้มกราบพี่น้องประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยเพื่อขอคะแนน พร้อมกับพูดว่าถ้าใครไม่กราบขอให้สอบตก
ต่อมา เวลา 19.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทิน กำลังปราศรัยอยู่บนเวทีนั้น ปรากฏว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมมวลชนบางส่วนขึ้นไปบริเวณทางด่วนุนนพระราม 9 เหนือลานโชว์ดีซี พร้อมชูป้าย ข้อความ “เราไม่เอากัญชา เอากัญชากลับไป” “กัญชาฆ่าเยาวชน” “ยกเลิกกัญชา” “บ้ากัญชาพาสังคมพัง” โดยชูไปยังเวทีปราศรัย จากนั้นเมื่อนายอนุทิน หันไปเจอจึงได้ปลุกประชาชนปรบมือให้กับนายชูวิทย์ ที่มาชูป้ายเชียร์พรรคภูมิใจไทย พร้อมตะโกนขอให้นายชูวิทย์ลงมา “ลงๆ ลงมาโดดมาๆ อย่าลืมว่าเรานัดกินข้าวกันอยู่ แล้วอาทิตย์หน้าเจอกันนะ” นายอนุทิน กล่าวเพียงเท่านั้น ก็กลับเข้าสู่การปราศรัยต่อ โดยระบุว่า มีกระบวนการขัดขวางรถไฟฟ้าสายสีส้ม กลัวว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะมีคะแนนท่วมท้น จึงไปรับจ้างเขามาป่วน ใครห้ามใช้สายสีส้มเป็นคนทำลายชาติ ขอให้พี่น้องโห่ใส่
จากนั้น เวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเจรจาให้นายชูวิทย์ และทีมงานออกจากบริเวณทางด่วน เนื่องจากกีดขวางการจราจร ซึ่งทันทีที่นายชูวิทย์เคลื่อนตัวออกไป นายอนุทิน ก็ตะโกนว่า “ออกไปไกลๆ” เช่นเดียวกับประชาชนที่มาฟังปราศรัยก็โห่ไล่ พร้อมตะโกนว่า “ไม่แน่จริงนี่หว่า ถ้าแน่จริงให้ลงมาข้างล่าง”