"พล.อ.ประวิตร" ขอเซลฟี่กับชาวตรัง บอกอยากเก็บภาพทุกคนที่ทีความสุข ทันทีที่เป็นรัฐบาลชาวตรังต้องหัวเราะดังกว่านี้ ลั่น แก้ไขราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ
พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ที่ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดตรัง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ,นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 เบอร์ 3 ,นายทวี สุระบาล เขต 2 เบอร์ 6 ,พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 เบอร์ 1 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 เบอร์ 4
โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจังหวัดตรังทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนดูแลและแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี โดยราคาขยับขึ้นจากบาทกว่า ไปเป็น 7 บาท ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ประมาณ 5-6 บาท ทันทีที่พรรค พปชร.เป็นรัฐบาล ตนจะทำให้เกิดความเสถียรเพื่อให้ชาวจังหวัดตรังอยู่ดีกินดีขึ้น ปัญหาราคายางตกต่ำจะต้องหมดไป ซึ่งขอยืนยันว่า นโยบายแก้ไขปัญหาราคายาง และราคาปาล์ม ของพรรค พปชร.สามารถทำได้จริง และเราพร้อมทำทันที
"เราจะมาช่วยกันเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชาวจังหวัดตรังได้อยู่ดีกินดี ซึ่งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการให้คนไทยทุกคนมีความสุข
"เราจะทำให้เมืองตรังเป็นเมืองอัจฉริยะ เราจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่นี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทุกคนที่นี่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เราจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจังหวัดตรัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผมขอฝากพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคไง้กับชาวตรังทุกคนด้วย"
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้ เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้ทุกๆคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่าลืมกาเบอร์ 37 รวมถึงผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เราเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในสภา และพรรคประชารัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี และมีความสุขตลอดไป
ด้าน ศ.ดร.นฤมล กล่าวปราศรัยว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราจะเข้ามาดูแลประชาชน ไม่ว่าจะเป็นบัตรพลังประชารัฐ ที่ตอนนี้ให้อยู่ใบละ 300 จะได้เพิ่มเป็นใบละ 700 บาท พร้อมให้ประกันชีวิตเพิ่มอีก 200,000 บาท รวมถึงเราจะแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว มีเกษตรกร 8 ล้านครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องการดูแลกลุ่มเปราะบางกลุ่มผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท ถ้าชาวจังหวัดตรังอยากจะได้ทุกอย่าง วันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 14 พ.ค.การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ บัตรสีม่วงขอให้เลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต ส่วนบัตรสีเขียวก็ให้กาเบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า คนใต้มีหัวใจ 4 ห้อง มีพรรคการเมืองในดวงใจ 4 พรรค แต่วันนี้ผมอยากขอพี่น้องชาวตรัง มีหัวใจห้องเดียวเลือกพรรคเดียวคือพรรคพลังประชารัฐ ให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และวันนี้พรรคพลังประชารัฐเหมาะสมที่สุดที่จะเปลี่ยนผ่านสถานการณ์ทั้งหมด เราเป็นพรรคที่มีหัวหน้าพรรคที่มีบารมี มีประสบการณ์ พูดจากับทุกพรรคได้มากที่สุด พี่น้องชาวใต้ต้องตัดสินใจเลือกด้วยยุทธศาสตร์พรรคเดียว พร้อมใจกันเทคะแนนเสียงให้อยู่กับพรรคเดียว แล้วให้พรรคนั้นเป็นหลัก นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ
อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งของการปราศรัย พล.อ.ประวิตรได้ระบุว่า อยากจะถ่ายรูปเซลฟี่หับชาวจังหวัดตรังด้วยมือถือของตนเอง พร้อมกับยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายด้วย และกล่าวว่า อยากถ่ายรูปตอนที่ทุกคนหัวเราะ อย่างมีความสุข ผมจะจำภาพเหล่านี้เอาไว้ และเมื่อผมได้เป็นรัฐบาลแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า ท่านจะหัวเราะได้ดังกว่านี้แน่นอน
ทั้งนี้ หลังจบการปราศรัย เด็กชายขึ้นไปขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ บอกรัก”ลุงป้อม” และขอให้ลุงป้อมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย