xs
xsm
sm
md
lg

“พิธา” ลืมคำอีกแล้ว! เคยปราศรัยปี 62 กัญชาต้องไม่เป็นยาเสพติด ดันไทยเป็นฮับสุขภาพ-ท่องเที่ยวจากกัญชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนรอย “พิธา” ก่อนกลืนน้ำลายร่วมต้านกัญชากับ “ชูวิทย์” เคยปราศรัยช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 62 พูดชัดกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ประกาศไทยต้องเป็นฮับด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวจากกัญชาอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็น 1 ใน 5 ผู้นำกัญชาโลก พร้อมเสนอจัดพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ทดลองใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ แถมยกตัวอย่าง เคยไปบ้านเกิด “บ็อบ มาร์เลย์” มีพื้นที่สูบกัญชาหารายได้ช่วยเหลือสังคม



จากกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้บอกกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขณะหาเสียงที่ตลาดนกฮูก จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงจุดยืนเกี่ยวกับกัญชา ว่า ไม่เอากัญชาเสรี ไม่เอากัญชาเสรีสุดโต่ง เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แล้วควบคุมให้ประโยชน์มากกว่าโทษนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นแนวทางที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายพิธาเคยผลักดันเมื่อครั้งที่นายพิธาเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562

ทั้งนี้ นายพิธา เคยปราศรัยเรื่องนโยบายกัญชา ในงานปิกนิกอนาคตใหม่ ในสวนเบญจกิติ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2562 ซึ่งมีคลิปวิดีโอ เผยแพร่ในเฟซบุ๊ก ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2562



เนื้อหาคำปราศรัยดังกล่าวสรุปได้ดังนี้

“อันดับแรก เราต้องคิดก่อนว่ากัญชา ไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป เวลาเราพูดเรื่องนโยบายยาเสพติด กัญชาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเรื่องนั้นอีกต่อไป

วิธีคิดของผมเกี่ยวกับกัญชา ก็คือ ประเทศไทยจะต้องเป็นเมดิคัลฮับ และก็เป็นทัวริซึมฮับเกี่ยวกับกัญชา อันดับ 1 ของเอเชียให้ได้ นั่นคือปลายทางที่เราต้องการ

ประเทศไทยจะต้องเป็น 1 ใน 5 ผู้นำเกี่ยวกับเรื่องกัญชา มีออสเตรเลีย แคนาดา อเมริกา เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล และก็ต้องมีไทยอยู่ในนั้นด้วย เพราะว่ากัญชาไทยดีที่สุดในโลกแน่นอน ในเรื่องของศักยภาพ

เรามีความจำเป็นจะต้องบริหารมันให้ถูกต้อง เมื่อปลายทางเราคิดไว้แล้วว่าเราจะเป็นผู้นำของเอเชีย จะเป็น 1 ใน 5 ของโลก เราต้องย้อนกลับมาที่แนวทางการแก้ปัญหาของเรา

แน่นอนวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการปลดล็อกไปเรียบร้อยแล้ว เราต้องทำให้กัญชาไม่เสียของอีกต่อไป ในเรื่องของระยะสั้น มีความจำเป็นมากที่เราจะต้องกระจายโอกาสกัญชาให้ 2 ฝั่ง

ฝั่งแรกก็คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคลมชัก ที่เป้นโรคอัลไซเมอร์ ที่เป็นโรคพาร์กินสัน โรคไต คนที่อาจจะเจ็บป่วยจากโรคมะเร็ง ผู้ป่วยเหล่านี้มีความจำเป็นที่อยากจะหาวิธีรักษาทางเลือกมากกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน

นี่คือ สิ่งแรกที่เราจะต้องเข้าไปแก้ให้เร็วที่สุด เพราะเรื่องของความเจ็บปวด เรื่องของชีวิต เรื่องของศีลธรรมบางทีมันสำคัญกว่ากฎหมาย มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปกระจายโอกาสเรื่องพวกนี้

อันที่ 2 ที่เราจะทำในระยะสั้น คือ การกระจายโอกาสให้กับเกษตรกร แน่นอน ใน พ.ร.บ.อันล่าสุด บอกว่า การที่เป็นวิสาหกิจชุมชนสามารถที่จะปลูกกัญชาได้ ในความเป็นจริงก็คือเกษตรกรบางคนยังไม่รู้เลยว่าวิสาหกิจชุมชนต้อง 7 คนขึ้นไป ร่วมมือกันถึงจะเป็นได้ การกระจายเมล็ดพันธุ์ การกระจายให้ความรู้ ในระยะสั้นต้องช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ป่วยให้มากที่สุด

ผมเดินทางไปที่หลายๆ จังหวัด หนึ่งในนั้นคือ สุโขทัย ไปเจอคุณแม่คนหนึ่ง ลูกชายเขาอายุมากกว่าลูกสาวผม พิพิม สักขวบสองขวบ สี่ห้าขวบ เป็นโรคลมชัก เขาต้องซื้อซีบีดีออยล์ จากอเมริกา ขวดหนึ่ง 4,000 กว่าบาท แอบซื้อมาด้วย เพื่อที่จะมารักษาลูกเขา เขาเล่าให้ผมฟังว่า การที่ลูกเขาต้องชักทุกวันมันเป็นการทรมาน มันมากกว่าที่จะต้องมานั่งอ่านกฎหมาย เดี๋ยวมานั่งดูว่า พ.ร.บ.นี้มันเป็นยังไง เขาไม่สนใจ ผิดก็ผิด ว่ามาเลย แต่ว่าเขามีความจำเป็นที่จะต้องให้ลูกเขาใช้

ผมนั่งฟังเขาอยู่ 1 ชั่วโมงเต็ม สิ่งที่เขายังไม่รู้จนถึงทุกวันนี้ก็คือ ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ป่วยลมชัก เหมือนลูกเขา มาตลอด ผมกับลูกเขาสองคนเป็นผู้ป่วยที่จะต้องทรมานจากโรคลมชักเหมือนคนไทยอีก 650,000 คน เรื่องประมาณอย่างนี้ยังถือว่ายังไม่ใช่โรคที่เยอะนะครับ ยังดูถึงเรื่องพาร์กินสัน ถึงเรื่องอัลไซเมอร์ โรคไต คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง สิ่งเหล่านี้ กัญชาจะเข้าไปช่วยได้ ในการที่เราจะปลดล็อกจึงเป็นสิ่งที่รีบทำมากที่สุดในระยะสั้น


ในระยะกลาง ผมไปอยู่จาเมกามา 1 เดือน ไปอยู่คิวบาอีก 1 เดือน ตอนที่เรียนหนังสือ แน่นอนในระหว่างนั้นผมก็ต้องใช้ เนื่องจากผมเป็นโรคลมชัก ผมต้องใช้ซีบีดีออยล์ ตั้งแต่อยู่อเมริกา ผมเป็นคนที่ได้รับการรักษามาจาการใช้กัญชา ถ้าไม่ใช้กัญชาก็ต้องใช้ยาฉีดจิ้มขาตัวเอง เวลาที่จะชัก

ที่จาเมกา ผมไปบ้านเกิดของ บ็อบ มาร์เลย์ ชื่อว่าเมืองเซนต์ แอนน์ ที่เมืองเซนต์ แอนน์ มีพื้นที่พิเศษที่ทำให้เกิดการท่องเที่ยวเกี่ยวกับกัญชาเกิดขึ้นที่จาเมกา ถ้าคุณไปที่คิงส์ตัน หรือไปที่อื่น คุณก็ยังไม่สามารถที่จะสูบกัญชาได้ แต่มันเป็นพื้นที่พิเศษที่สามารถให้เกิดการสูบกัญชาแบบสันทนาการได้

แล้วท่านรู้ไหมว่าการที่ผมไปเยี่ยมบ้านบ็อบ มาร์เลย์ ครั้งนั้น ผมจ่ายเงินไป 2 พันบาท เขาให้จ๊อยมาจ๊อยหนึ่ง 1 ออนซ์ 30 กรัม ตรงนี้นี่ เงินที่ได้ในเซนต์แอนน์ เขาเอาเงินตรงนี้กลายเป็นเงินภาษีที่เอาไปช่วยการศึกษาในเซนต์ แอนน์ โรงเรียนสาธารณะ มีเงินจากตรงนี้

วิธีคิดของผมก็คือว่า การที่จะทำให้ประเทศไทย นอกจากจะเอาไว้รักษาภายในประเทศ นอกจากจะเอาไปส่งออก นอกจากเราจะเอาไปแปรรูปในอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหารก็เป็นไปได้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็เป็นไปได้ อุตสาหกรรมสิ่งทอก็เป็นไปได้ อุตสาหกรรมกระดาษก็เป็นไปได้ อุตสหกรรมปศุสัตว์ก็เป็นไปได้ โอกาสมันมีมากมายมหาศาล

ในระยะกลาง เรามีความจำเป็นต้องนั่งคิดว่า คำว่า เมดิคัลฮับ ที่มาจากกัญชา คำว่าทัวริซึมฮับที่มาจากกัญชา แล้วคิดว่าเงินที่ได้จากกัญชาที่เป็นภาษีนี่สามารถเอาไปช่วยเหลือคนในสังคมได้อีกมากมายแค่ไหน การที่เราจะปลดล็อกมัน มีสิ่งที่จะช่วยขึ้นมาได้มากแค่ไหน

แน่นอน การพูดแบบนี้มันพูดง่าย การที่จะทำให้มันมีคุณภาพขึ้นมา มันมีความจำเป็น ถ้าคุณจะส่งออกเนี่ยเกษตรกรต้องพูดถึงระบบ GAP แล้ว ในการที่คุณจะแปรรูปคุณจะต้องคิดถึงระบบ GMP นี่คือสิ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปสนับสนุน

เมื่อเรากระจายโอกาสให้คนที่ต้องการกัญชา เมื่อเรากระจายโอกาสให้เกษตรกรที่ต้องการฟื้นเศรษฐกิจใหม่ เมื่อเราแปรรูปมัน เมื่อเรายกระดับมัน มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามาจับ อีกหน่อยจะมีปริญญาตรีเรื่องเกี่ยวกับกัญชาศาสตร์ขึ้นมา ตั้งแต่ปลูก แปรรูป แล้วก็ขาย ถ้าจะให้ไปถึงอันดับหนึ่งของเอเชีย เรื่องพวกนี้จะต้องมีการศึกษาเข้ามาเกี่ยวข้อง

บางคนอาจจะกลัวเรื่องการลักลอบ ที่อเมริกาเวลาคุณสั่งกัญชาที่เป็นยามาเนี่ย กัญชาที่ผมสั่งเข้ามาเวลาที่ผมมีอาการไม่สบายขึ้นมา มันจะต้องมีบาร์โค้ด มี RFID ที่ติดมาว่ากัญชานี้ปลูกโดยใคร จากที่ไหน เมือ่ไหร่ ยังไง ถึงเวลาที่เราจะต้องเอาเทคโนโลยีอย่างนี้มาใช้กับประเทศไทย

เรามี คุณปกรณ์วุฒิ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องบล็อกเชน เรื่องกัญชาจะลักลอบหรือไม่ลักลอบที่คนกลัวกันนี่ บล็อกเชนจะเป็นคำตอบที่เอาเข้ามาในการ คุณปกรณ์วุฒิบอกว่า เวลาใครจะปลูกอะไร ถ่ายรูปแล้วก็เอาขึ้นระบบบล็อกเชนขึ้นมา มีความโปร่งใสแล้วก็แก้ปัญหาเรื่องลักลอบได้

ทั้งหมดทั้งปวง มีคนถามผมว่าจะถึงขึ้นสันทนาการไหม ก็ต้องเรียนว่า เรื่องกัญชาก็เป็นเรื่องใหม่เหมือนกับเรื่องเทคโนโลยีทั้งหลาย มันต้องมีแซนด์บ็อกซ์เข้ามา

และแน่นอนเมื่อเราทำเรื่องเกี่ยวกับทัวริสซึมอาจจะมีภูมิภาคหนึ่งที่เป็นภูมิภาคที่เราอนุญาตให้เป็นโซนพิเศษ เหมือนที่เซนต์แอนน์ ของจาเมกา ที่เราจะทดลอง แล้วเรามาศึกษาดูว่าการที่ทำให้เกิดสันทนาการนี้ เหล้าลดลงไหม เบียร์ลดลงไหม บุหรี่หละ เป็นยังไง ประสิทธิภาพของแรงงานเป็นยังไง เมาแล้วขับเกิดขึ้นไหม

ตอนที่ผมอยู่ที่อเมริกา เรื่องของการที่มันเป็นสันทนาการไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย เพราะเขากำหนดไว้หมดว่า 1 จ๊อย เท่ากับ 1 ออนซ์ 30 กรัม อายุต้อง 21 ปีขึ้นไป ห้ามขับรถ ห้ามสูบในที่สาธารณะ ต้องอยู่ในที่ที่เป็นพื้นที่จำกัดของตัวเอง

เพราะฉะนั้น ถามว่าถึงสันทนาการไหม อาจจะเร็วเกินไปที่จะคิดถึงตรงนั้น แต่ผมคิดว่าในระยะกลางเราต้องมีระบบแซนด์บ็อกซ์ที่ใช้ประโยชน์ ทำให้กลายเป็นเมดิคัลฮับ ให้กลายเป็นทัวริซึมฮับ แล้วให้ดูซิว่าในบริบทไทย กัญชาสันทนาการเหมาะสมหรือไม่ ใช้ตรงนั้นเป้นตัวศึกษาจะได้ไม่ต้องมาโต้แย้งกันในสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง”


กำลังโหลดความคิดเห็น