วันนี้( 5 พ.ค.)นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้ช่องว่ามีโอกาสที่รัฐบาลเสียงข้างน้อย สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ว่า แม้ในอดีตจะเคยมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ปัจจุบันไม่ควรมีอีกแล้ว เพราะเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน ที่มอบฉันทามติให้พรรคที่ได้รับเสียงมากสุด เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากประชาชนเลือกพรรคการเมืองใดเข้ามามากสุด ตามมารยาทควรให้พรรคนั้นได้มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน ถึงแม้อีกฝ่ายอาจจะอ้างว่ามีเสียงสนับสนุนจากส.ว.ในขั้นตอนโหวตนายกฯหากรวมกับเสียงที่รวบรวมได้จากพรรคต่างๆได้เกินกว่า 376 เสียง ก็มีสิทธิ์ตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เพราะดูแล้วจะกระทบหลายอย่างและส่งผลไปถึงการทำงานของรัฐบาล ที่ไม่เข้มแข็ง ขาดความเชื่อมั่น และขาดความน่าเชื่อถือ การที่มี สว.250เสียง ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีได้ เป็นสิ่งไม่เหมาะสมถ้ายิ่งโหวตให้กับรัฐบาลเสียงข้างน้อยยิ่งน่าเกลียดไปใหญ่
นายสุระ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำอยู่เสมอว่าเข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่อยากเห็นประเทศไม่สงบ เกิดความวุ่นวายในหมู่ประชาชน หากชิงจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยอาศัยเสียงส.ว.ไปสนับสนุน ตนหวั่นเกรงอย่างยิ่ง อาจจะทำให้ประชาชนบางส่วน ไม่พอใจ เนื่องจากขัดเจตนารมณ์เสียงส่วนมาก อาจลุกฮือออกมา อาจลุกลามบานปลายไปสู่ความขัดแย้ง เชื่อว่าคงเป็นภาพที่ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้น
“แม้จะมีการตั้งรัฐบาลได้ ในการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี หากไม่ผ่าน นายกฯต้องรับผิดชอบ หรือแม้กระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่อีกฝ่ายมีเสียงมากกว่า อาจโหวตชนะฝ่ายรัฐบาล จะยิ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ความสั่นคลอนต่อรัฐบาล ขาดความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้รัฐบาลที่มีเสียงส.ส.น้อยกว่าในสภาฯแพ้โหวต ไปไม่รอด สุดท้ายเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอยู่ดี อย่างไรก็ดีในอีกมุม เมื่อมีคนมาส่งสัญญาณต่อการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในการเลือกตั้ง14พ.ค.66 อาจจะทำให้ผู้คนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร อาจจะหันไปเลือก อีกฝ่ายเพื่อทำให้เกิดการชนะถล่มทลายมากขึ้น เพื่อขจัด ขัดขวางไม่ให้เกิดเสียงข้างน้อย ชิงตั้งรัฐบาลก็เป็นได้"นายสุระ กล่าว