โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯปลื้ม มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนมี.ค.ขยายตัว 9.57% มูลค่าการค้ารวมถึงกว่า 1 แสนล. พร้อมจัดมหกรรมการค้าการลงทุนชายแดนใน 3 พื้นที่ สระแก้ว หนองคาย นราธิวาส มิ.ย.-ส.ค.หนุนให้ได้ยอดตามเป้าทั้งปี 1.06 ล้านล้าน
วันนี้ (5พ.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและชื่นชมตัวเลขรายงาน มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วงเดือน มีนาคม 2566 ขยายตัว 9.57% พร้อมรับทราบแผนโครงการขยายการค้าการลงทุนชายแดนและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ใน 3 พื้นที่ กระตุ้นการค้าการลงทุน ตั้งเป้ามูลค่าการค้าชายแดนปี 2566 รวม 1.06 ล้านล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วงเดือน มีนาคม 2566 มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนรวม 163,714 ล้านบาท ขยายตัว 9.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นการค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา มีมูลค่าการค้ารวม 88,673 ล้านบาท ไทยได้ดุลการค้าชายแดน 4 ประเทศ รวม 24,370 ล้านบาท ในขณะที่การค้าผ่านชายแดนไปประเทศที่สาม ได้แก่ จีน สิงคโปร์ เวียดนา และประเทศอื่นๆ มีมูลค่ารวม 75,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.62% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
นอกจากนี้รัฐบาลวางโครงการส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดน ได้แก่ โครงการขยายการค้าการลงทุนชายแดนและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จัดขึ้นในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม 2566 ใน 3 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ 1. มหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ด้านเมียนมาด้านกัมพูชา (กาญจนบุรี สระแก้ว ตราด) จัดที่จังหวัดสระแก้ว ช่วงเดือนมิถุนายน 2. มหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษด้านลาว (เชียงราย ตาก หนองคาย มุกดาหาร นครพนม) จัดที่จังหวัดหนองคาย ช่วงเดือนกรกฎาคม และ 3. มหกรรมการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย จัดที่จังหวัดนราธิวาส ช่วงเดือนสิงหาคม โดยภายในงานที่จัดขึ้นในแต่ละเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จะมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการ (Trade Fair) ของผู้ประกอบการในภูมิภาคและส่วนกลาง เช่น สินค้าจากผู้ประกอบการ OTOP/SMEs สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเเฟรนไชส์ และสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งมีการฝึกอบรม สัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎระเบียบ สิทธิประโยชน์ การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ามาตรการทางการค้า และการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ผลักดันมาตรฐานการค้า เพิ่มศักยภาพด้านการค้าในภูมิภาค
“นายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับลูกแนวนโยบายของรัฐบาลไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ทำให้ประเทศไทยได้ดุลการค้า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าโครงการขยายการค้าการลงทุนชายแดนและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ใน 3 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะเกิดขึ้น จะช่วยเพิ่มพูนศักยภาพการค้า การลงทุนชายแดน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ กระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดตามแนวชายแดนและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นช่องทางตลาด และโอกาสแก่ผู้ประกอบการ ประชาชนชาวไทยในพื้นที่” นายอนุชาฯ กล่าว