ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เผยผลสำรวจครั้งที่ 3 คะแนนนิยม "พิธา" แซงหน้า "แพทองธาร" ขึ้นอันดับหนึ่ง ที่ประชาชนอยากได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้ง 66
วันนี้ (3 พ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง "ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 3" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,500 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 3 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ "นิด้าโพล" สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 35.44 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) อันดับ 2 ร้อยละ 29.20 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 14.84 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 4 ร้อยละ 6.76 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 5 ร้อยละ 3.00 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 6 ร้อยละ 2.48 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 1.80 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 8 ร้อยละ 1.68 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) อันดับ 9 ร้อยละ 1.36 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 10 ร้อยละ 1.32 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) และร้อยละ 2.12 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) และไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 2 เดือนเมษายน 2566 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) และยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) และนายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
สำหรับพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.32 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 33.96 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 12.08 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 4.28 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 2.92 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 1.68 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 7 ร้อยละ 1.60 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.56 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 9 ร้อยละ 1.24 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.00 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า และร้อยละ 1.36 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคไทยภักดี พรรคกล้า พรรคเทิดไท พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคเศรษฐกิจไทย พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคประชากรไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 2 เดือนเมษายน 2566 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า และยังไม่ตัดสินใจ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.92 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 35.36 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 12.84 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 3.32 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 2.36 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 1.68 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 7 ร้อยละ 1.60 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.28 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 9 ร้อยละ 1.24 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 10 ร้อยละ 1.00 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนากล้า และร้อยละ 1.40 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรคประชาชาติ พรรคกล้า พรรคเทิดไท พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคพลังสังคมใหม่
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 2 เดือนเมษายน 2566 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติพัฒนากล้า และยังไม่ตัดสินใจ มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.56 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.56 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.96 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.48 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.72 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.72 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.08 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.92 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.92 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.80 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.92 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.72 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 95.68 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.48 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.84 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 34.24 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.16 สมรส และร้อยละ 2.60 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 25.24 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.60 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.36 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 26.04 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 3.76 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.20 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.36 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.08 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.28 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.28 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.56 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 6.24 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 22.40 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 20.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 30.96 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 10.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 3.92 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 7.76 ไม่ระบุรายได้