‘นพวรรณ หัวใจมั่น’ เปิดเหตุผลที่คนกรุงเทพ ต้องเลือก ‘พลังประชารัฐ’ โชว์นโยบายเด็ด ตั้งกองทุนประชารัฐนำเงินแสนล้านพัฒนาพื้นที่ เดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องประชาชนแบบเร่งด่วน พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความปรองดองเพื่อชาติบ้านเมือง
วันนี้(3 พ.ค.)ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขต12(เขตบางเขน แขวงท่าแร้ง เขตสายไหม แขวงออเงิน เขตลาดพร้าว แขวงจรเข้บัว) เบอร์ 12 ได้กล่าวถึงเหตุผลที่คนกรุงเทพต้องเลือก พปชร. ว่า นอกจากทางพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค ที่มีจุดยืนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อเดินหน้าสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองแล้ว ในด้านนโยบายที่ทางพรรคจะผลักดันออกมานั้น ล้วนแต่ทำเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน เหมือนดังเช่นที่ผลักดันจนสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ
ทั้งนี้ พลเอกประวิตร มีความเป็นห่วงประชาชนอย่างยิ่ง ได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจของพรรคคิดนโยบายด้านปากท้อง ลดค่าครองชีพ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ลดดีเซล 6.30 บาท หรือการลดราคาแก๊สถัง15 ก.ก. เหลือถังละ 250 บาท ซึ่งสามารถทำทันทีที่เป็นรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายลดค่าไฟฟ้า ที่จะปรับโครงสร้างราคาที่มีการคิดเงินซ้ำซ้อนอยู่หลายส่วน ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าลงเกือบ 50% เหลือเพียงหน่วยละ 2.50 บาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางพรรคพลังประชารัฐ ยังได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจไปศึกษาถึงการตั้งกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนระดับประเทศในสมัยหน้า ถ้า พปชร.ได้เป็นรัฐบาลจะมีกองทุนนี้ภายใน 4 ปี เป็นการนำเงินจากรัฐบาลกลางเข้าไปช่วยพัฒนาท้องถิ่น โดยจะนำงบประมาณจากกองทุนดังกล่าวประมาณ 1 แสนล้านบาท มาพัฒนาพื้นที่กรุงเทพ แน่นอนว่า คนกทม.จะ ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ จากการพัฒนาเมือง ซึ่งมีหลายเขตที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน ชุมชนต่าง ๆ ไม่เพียงแต่โปรโมทย่านสุขุมวิท เยาวราช ข้าวสาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ในอนาคตจะผลักดันให้แต่ละเขตสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดเม็ดเงินได้ ทั้ง ย่านฝั่งธน ย่านบางนา และทำให้ทุกเขต สร้างเสน่ห์ของตัวเองขึ้นมา ที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและการขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ ภญ.นพวรรณ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนเคยทำงานในด้านสาธารณสุข จึงมีแนวคิดต้องการผลักดันให้แต่ละเขตในพื้นที่ กทม.มีโรงพยาบาลรัฐ หรือศูนย์สาธารณสุขในทุกเขต ที่สามารถรองรับ และทำให้ประชาชนเข้าถึงระบบการรักษาได้ง่ายขึ้น เพื่อที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย โดยประชาชนต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาล ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวตั้งแต่เช้า ได้ตรวจเที่ยง ตรวจบ่าย
“จากการที่ได้เข้าไปพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ และพบปัญหาว่า การส่งคนไข้ต่อจากโรงพยาบาลหนึ่งไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง มักเกิดปัญหาข้อมูลประวัติผู้ป่วยไม่มีการเชื่อมถึงกัน ตนเลยมีความคิดว่าหากเราใช้บัตรประชาชนใบเดียว ที่สามารถเชื่อมข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยได้ ทำให้เมื่อเราย้ายการรักษาไปอีกโรงพยาบาล คุณหมอสามารถทราบข้อมูลประวัติการรักษาจากที่เดิมได้ โดยที่เราไม่ต้องไปตรวจใหม่ เพราะเรามีระบบที่ปลอดภัย นั่นคือระบบคลาวด์ ที่จะเก็บข้อมูลส่วนกลางของผู้ป่วยแต่ละเคสไว้ ทำให้แต่ละโรงพยาบาลสามารถดึงข้อมูลนั้นไปใช้ได้เลย”