xs
xsm
sm
md
lg

มันจบแล้ว"ชูวิทย์"! หลงแสงแล้วเพ้อขั้นสุด ไม่รู้ตัวเองเป็นใคร ขู่เพื่อไทย-ภท. "หมอหนู" ใช้"อุเบกขา" ปล่อยวางจอมแถป่วนเวที **“เสี่ยหนู” รับน้องใหม่ “เสี่ยนิด” ซัดปากไม่มีหูรูด ให้ร้ายนโยบายกัญชามอมเมาลูกหลาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



**มันจบแล้ว"ชูวิทย์"! หลงแสงแล้วเพ้อขั้นสุด ไม่รู้ตัวเองเป็นใคร ขู่เพื่อไทย-ภท. "หมอหนู" ใช้"อุเบกขา" ปล่อยวางจอมแถป่วนเวที

วันก่อน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” โพสต์เฟซบุ๊ก เตือน “ทักษิณ” และพรรคเพื่อไทย หลังผลคะแนนออก มองข้ามช็อตการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล จะต้องให้พรรคภูมิใจไทย ไปเป็นฝ่ายค้าน โดยภารกิจใหม่ในการต่อต้านพรรคภูมิใจไทย ให้เป็นฝ่ายค้านจะเริ่มขึ้นทันที หากพรรคเพื่อไทย ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย จะขอต่อต้านพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะถือว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้นำเอา กัญชา ปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด เข้าสู่สังคม หากไม่ลงโทษพรรคภูมิใจไทย ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะกำเริบเสิบสาน พรรคการเมืองใดกระทำการเช่นนี้อีก นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม

อภิโธ่อภิถัง นี่ต้องถาม “ชูวิทย์” คิดว่าตัวเองเป็นใคร สำคัญอย่างไรหรือ ? อาศัยอะไรมาตัดสินพรรคการเมือง ใครจะจับขั้วกับใครต้องขอความเห็นชอบ

ล่าสุดบุกไปป่วนเวทีปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย ที่โดมหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ซึ่งขณะที่ “อนุทิน” กำลังพูดแนะนำนโยบายหาเสียงช่วยลูกพรรคปรากฏว่า “ชูวิทย์” ที่อยู่ด้านนอกใช้โทรโข่งกล่าวโจมตีพรรคภูมิใจไทย จนเกิดเสียงแทรกเข้ามาในเวที แต่ก็ถูกมวลชนที่มาฟังปราศรัย ได้ตะโกนไล่ ชูวิทย์ ว่า “ออกไป ออกไป” ขณะที่บางคนตะโกนว่า “เรามาฟังอนุทิน”

ด้านหมอหนูใช้ "อุเบกขา" ว่า ชูวิทย์ ก็คงมีเรื่องราวอยากจะสื่อสารก็ปล่อยไป รับฟังและต้อนรับด้วย ประชาชนจะมองเองว่าใครถูกใครผิด ไปบังคับใครไม่ได้ ขอตั้งจิตเป็นอุเบกขา ปล่อยวางให้

อนุทิน ชาญวรีรกูล
มาถึงตรงนี้ ชูวิทย์ ทำกร่าง วางก้ามราวนักเลงโต ขู่คนนั้น ขู่คนนี้ ถึงขั้นยกตัวเองเป็นผู้จัดการรัฐบาล ห้ามพรรคนั้นพรรคนี้ไม่ให้จับมือ จับขั้วกัน เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือ กินยาผิดขนานก็ไม่รู้ได้ ตัวเองห่างหายไปจากหน้าสื่อ และหลุดเรดาร์ของชาวโซเชียลฯ เพราะ ราคาไม่มี ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ?

มุกเก่าๆ ที่เคยฉายเรียกคนดูได้ พอเอามาฉายซ้ำ วนไปวนมา เล่นละครลิง ตะโกนโหวกเหวก เกรี้ยวกราด โป้ปดพกลมไปวันๆ แบบเดิมๆ คนดูจับโป๊ะ จับทางได้ เอือมระอาเต็มทน ก็ยังทนทู่ซี้เปิดการแสดง หลงตัวเอง มโนไปว่าสังคมยังเชิดชู อวยยศให้เป็น“จอมแฉ” แท้ที่จริงหมดราคาไปตั้งแต่มีเรื่อง “แฉไป ไถไป” ถูกปูดออกมานู้นแล้ว ใช่หรือไม่ ?

“ชูวิทย์”วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน ยอมรับตัวเองได้หรือยังว่า ทำอะไรลงไป ตอนนี้มีแต่คนเขารังเกียจ และเบื่อ ลงไปภาคใต้หวังจะไปประโคมก่นด่า ด้อยค่ากัญชา กับ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่า คนใต้ในพื้นที่ไม่มีใครเขาเอาด้วย

พอมาหาเรื่อง “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่เป็นคนปูด “รับเงินสารวัตรซัว” ก็มั่วแซะทนายดัง พาลโยงความสัมพันธ์ไปถึงสอนมวย “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งต่อมาอย่างที่เห็นๆกัน รอง ผบ.ตร.นอกจากไม่ตอบโต้ “จอมแถ” แต่ทำผลงานพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำคดี “แอม ไซยาไนด์” แบบรวดเร็วเฉียบขาด ตบหน้าฉาดใหญ่ใส่คนหลงแสงอย่างชูวิทย์ เสียไม่มีทางไปต่อ

งานนี้คนจริงเขาก้มหน้าทำงาน ปล่อยวางอุเบกขาให้ แต่คนพาลชอบหาเรื่องโดยที่ไม่รู้ตัวเองว่าอับแสงไปแล้วต่างหากที่น่าสังเวช!!

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
วกกลับมาเรื่อง ออกมากร่างขู่เพื่อไทย ด้อยค่าภูมิใจไทยก็เช่นเดียวกัน ชูวิทย์ อุตสาห์ไปงัดภาพเก่ามาเล่าใหม่ “ทักษิณกับเนวิน อดีตที่ลืมไม่ลง” ก็เช่นเดียวกัน บอกว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำโด่ง ในทุกโพล ขณะที่พรรคภูมิใจไทย สาละวันเตี้ยลง เลยสรุปเองว่า ภูมิใจไทยดิ้นทุกท่าจะไปขอเพื่อไทยลืมอดีตแล้วมาร่วมรัฐบาลกัน ใช้มุกเดิมจะร้องตะโกนโวยวายทำลายเกม ถ้าสองพรรคนี้จับมือกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่เลือกตั้งกัน ผลเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้

“ชูวิทย์”ทำเป็นรู้ดีไปหมด กล่าวหาคนอื่นถ้าจับมือกันจริงก็คงหน้าด้านน่าดู แต่เรื่องตัวเอง “รับงาน” พรรคไหนมาหรือไม่ ? ทำเป็นไขสือ กลบเกลื่อนตามวิสัยของจอมแถไปไถไป ถามว่าใครหน้าด้านกว่า ? มันช่างเหมือนที่ตัวเองใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นว่า “ไม่มีจุดยืนใดๆ ไม่มีความจริงใดๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น”

“ชูวิทย์”ไม่มีจุดยืนลมเพลัมพัด อาการหนักถึงขั้นหิวแสงอยากได้แสงกลับมาเป็นคนสำคัญของโซเชียลฯ จึงโหนทุกกระแสที่สังคมสนใจ อย่างเรื่อง “ค่าไฟ” ที่ชาวบ้านรู้สึกเดือดร้อนแสนสาหัสกับรัฐบาลลุงก็โผไปเกาะ คิดเองไม่เป็นตามน้ำสโลแกน “ มีลุง ไม่มีเรา” ของพรรคก้าวไกล ไปหน้าตาเฉย

วันก่อนเชียร์ลุงอยู่เหยงๆ เป็นเพื่อนรัก "เสธ.หิ" หิมาลัย ผิวพรรณ ป้อยอ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯคนดีที่สุด แค่จะเอาแสงไม่สนเพื่อนกลับมาด่าลุงซะงั้น ชวนคนไม่เลือก บอกไม่มีทางสายกลาง ไม่ประนีประนอม ไม่ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ขอลองของใหม่ สลับงานให้ “รัฐบาล” ไปเป็น “ฝ่ายค้าน” แล้วให้ “ฝ่ายค้าน” กลับมาเป็น “รัฐบาล” เมื่อลุงยังอยาก อยู่ต่อ อยู่อีก คนที่อยู่กับลุง ก็ต้องไปด้วย

“มีลุง ไม่มีเรา” เลือกกันให้ชัด จำให้แม่น “มีลุง ไม่มีเรา” ลุงเหมาทำมานาน ถึงเวลาพักแล้วลุง ...นี่ละ ชูวิทย์ มะกอกสามตระกร้า ปาไม่ถูก !

แพทองธาร ชินวัตร
ก็ไม่รู้ว่า ระหว่างพรรคการเมือง , นักการเมือง ใครจะจับกับใครกับ “ชูวิทย์” ชั่วโมงนี้ การกระทำของใครเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม? ...เมื่อไหร่จะรู้ตัวเองสักที พ่อมหาโจรจอมแถ

ถ้าไม่ไหวบอกไม่ไหว..เอาเวลาที่ยุแยง เกรี้ยวกราดชาวบ้านไปจัดการเรื่อง "ที่ดินสาธารณะ" ของคนกรุง ดีกว่ามั้ย

อย่างน้อยก็ไถ่ปาบโทษฐานมุสามาตลอด จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา ที่ยกวลีในตำนานมาแซะเขา "มันจบแล้วครับนาย" วันนี้ตัวชูวิทย์ เองนั่นแหละที่จบแล้วจริงๆ

**“เสี่ยหนู” รับน้องใหม่ “เสี่ยนิด” ซัดปากไม่มีหูรูด ให้ร้ายนโยบายกัญชามอมเมาลูกหลาน แถมบิดเบือนเลือก ภท.ได้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ย้ำการเมือง ไม่ใช่ธุรกิจ


ในจังหวะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย พักการปราศรัยไปเตรียมตัวคลอด ก็เป็นโอกาสที่ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อีกคนหนึ่งของพรรค ได้โชว์เดียวบนเวที

การเปิดเวทีปราศรัยในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดในภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันพื้นที่ภาคอีสานก็เป็นเป้าหมายหลักของพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน

เศรษฐา ทวีสิน
ดังนั้น การปราศรัยของ “เศรษฐา” จึงพุ่งเป้าโจมตีไปที่พรรคภูมิใจไทยแบบเน้นๆ ทั้งนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ก็ถูกบิดไปว่าเป็นนโยบายกัญชาเสรี บอกไปไหนมีแต่พ่อแม่ผู้ปกครองมาร้องเรียนว่า เป็นห่วงลูกหลานที่กำลังถูกมอมเมาด้วยกัญชา แถมยังบอกว่าถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทย ก็จะได้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ... ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าหมิ่นเหม่ต่อความผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะเป็นการว่ากล่าวให้ร้าย ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด จนเกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง

เจอเข้าแบบนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะอายุน้อยกว่า “เสี่ยนิด” แต่พรรษาทางการเมืองสูงกว่า ก็เลยเขียนจดหมายน้อย ส่งผ่านทางโซเชียลฯ ไปถึง “พี่นิด” ประมาณว่า คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง ก็จะไม่ค่อยรู้มารยาท ไม่รู้อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด เข้าสู่การเมืองไม่กี่วัน ก็เปลี่ยนไปมาก นี่ขนาดเป็นแค่ แคนดิเดตนายกฯ ยังขนาดนี้ ถ้าได้เป็นนายกฯ จริงๆ จะเป็นไปได้ขนาดไหน...การทำงานการเมืองควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ด่าคนไปทั่ว ไม่พูดเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี ต้องศึกษาให้ดีก่อนพูด

ส่วนนโยบายกัญชานั้น พรรคภูมิใจไทย ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เราจึงออกกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชาทางที่ผิด แต่ส่งเสริมการใช้กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และ เศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ การที่ “พี่นิด” ไปปราศรัยบนเวที ว่าเลือกภูมิใจไทย ได้ “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ถือเป็นการให้ข้อมูลเท็จกับประชาชน ...ถ้าพรรคภูมิใจไทยชนะเลือกตั้ง ยืนยันว่า “อนุทิน” พร้อมเป็นนายกฯ ต่างจากเลือกพรรคเพื่อไทย ไม่รู้ว่าจะได้ “เศรษฐา ทวีสิน”เป็นนายกฯหรือไม่ เพราะคะแนนนิยม ยังน้อยกว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร อีกมาก

การปราศรัยของ “เศรษฐา” ทำให้พรรคเพื่อไทย มีทางเดินแคบลงทุกวัน สร้างเงื่อนไข ไม่จับมือพรรคนั้น พรรคนี้ ดูถูกดูแคลนนักการเมือง จึงอยากบอกในฐานะรุ่นพี่ทางการเมือง ว่านักธุรกิจบางคนไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง เพราะ เอาวิธีคิดแบบธุรกิจ มาใช้ในการทำงานการเมือง แต่ การเมือง ไม่ใช่ธุรกิจ ...คนที่เสนอตัวมาเป็นผู้นำประเทศ ต้องสร้างความรัก สามัคคีของคนในชาติ ไม่ใช่สร้างความขัดแย้ง หรือสร้างกำแพง ใส่กัน ...หลังวันที่ 14 พ.ค. “พี่นิด” จะได้เรียนรู้การเมือง อีกแบบ

อนุทิน ชาญวรีรกูล
หลัง “เสี่ยนิด”ได้อ่านจดหมายของ “เสี่ยหนู” ก็ตอบมาว่า แม้จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ก็ยังเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” คนเดิมที่ไม่โจมตีตัวบุคคล แต่จะพูดถึงการกระทำที่ส่งผลลบต่อสังคม โดยเฉพาะเรื่องกัญชา ที่พี่น้องประชาชนจำนวนมาก รับไม่ได้ และไม่อยากเห็นอนาคตของลูกหลาน ใช้ชีวิตในบ้านเมืองแบบนี้

...ส่วนที่บอกว่า นักธุรกิจ ที่เข้าสู่การเมืองหลายคนไม่ประสบความสำเร็จนั้น ในฐานะ อดีตนักธุรกิจที่อาสาเข้ามาทำงานการเมือง ความสำเร็จของผม คือประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน และการสร้างอนาคตที่ดีเพื่อส่งต่อให้กับลูกหลาน ...ส่วนตัว ไม่ใช่คนที่จะไปขัดแย้งกับใคร แต่เชื่อในการพูดคุย รับฟัง เพื่อประโยชน์ที่สูงที่สุด ของพี่น้องประชาชน แต่ก็พร้อมที่จะขัดแย้ง ที่อาจทำให้ทางเดินทางการเมือง “แคบลง” เพื่อ “เปิดกว้าง” อนาคต ให้กับลูกหลาน มากกว่า ที่จะเกรงใจคนนั้นคนนี้ เพื่อ “เปิดกว้าง” ทางการเมือง แต่ทำให้ทางออกอนาคตของลูกหลานพวกเรา “แคบลง”

สุดท้าย “เสี่ยนิด” บอกให้รอรับฟังฉันทามติจากพี่น้องประชาชนในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ... ลงท้าย “เศรษฐา ทวีสิน” คนเดิม เพิ่มเติมคือความหวังของพี่น้องประชาชน

ก็คงต้องรอหลังเลือกตั้ง ว่าคู่นี้ ใครจะไปถึงเป้าหมายที่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ... สำหรับ “เสี่ยหนู” ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง โอกาสก็จะสูงกว่า เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวของพรรค ...ต่างจาก “เสี่ยนิด” หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ยังไม่แน่ว่าจะได้เป็น เพราะพรรคนี้มีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน ...และก็เป็นที่รู้กันว่า ใครจะเป็นคนชี้ว่าให้คนไหนเป็นนายกฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น