xs
xsm
sm
md
lg

“โทนี่” นั่งไม่ติด “ทิ้งไพ่กลับบ้าน” วัดใจสาวก !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา


“เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ”


นั่นเป็นข้อความจากการทวิตฯของ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังจาก “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ได้คลอดหลานคนที่ 7
แน่นอนว่า ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาอีกคน และยินดีที่คนเป็นแม่ คือ “อุ๊งอิ๊ง” และลูกชายปลอดภัยแข็งแรงกันทั้งคู่
อย่างไรก็ดี หลายคนโฟกัสไปที่ข้อความที่บอกว่า ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ”
ข้อความดังกล่าวของเขา มันสามารถมองได้หลายอย่าง เพราะมีความหมายซ่อนนัย ซ่อนปม ซ้อนอยู่ในข้อความที่แสดงถึงความดีใจ เหมือนกับ “คุณตาที่มีหลาน” ทั่วไป แต่สำหรับ “คอการเมือง” แล้วมองขาดทันทีว่า งานนี้มีเป้าหมายชัดเจน

ขณะเดียวกัน ก็ต้องย้อนกลับไปพิจารณาถึงเหตุผลหรือสาเหตุที่เขาต้องแสดงอาการแบบนี้ออกมาในช่วงนี้ ซึ่งอย่างที่รับรู้กันดีว่าหากใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงสองสามวันที่ผ่านมา รวมไปถึงได้ติดตามผลโพล หรือผลสำรวจจากหลายสำนักที่เผยแพร่ออกมาอย่างถี่ยิบ
หากสรุปออกมาเป็นสองเรื่อง คือ สำหรับพรรคเพื่อไทยที่ก่อนหน้านี้มีเป้าหมายเรื่อง “แลนด์สไลด์” ต้องการให้ได้ ส.ส.เกินกว่า 310 ที่นั่ง โดยเป็นการเพิ่มยอดจากเดิมจำนวน 250 ที่นั่ง แบบก้าวกระโดด พร้อมกับรณรงค์เลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์ หรือ “เลือกให้ขาด” พร้อมกับโหมรณรงค์หาเสียงจากตัวแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็น “ทายาทสายตรง” ของ “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร และ นายเศรษฐา ทวีสิน ส่วนอีกคนคือ นายชัยเกษม นิติสิริ เวลานี้ชาวบ้านแทบไม่เคยได้ยินชื่อ ขณะที่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กลับเป็นแค่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต เท่านั้น นอกจากนั้น ยังมีการออกนโยบายอีกชุดใหญ่ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดี ถูกมองว่าเป็น “ประชานิยม”
แต่กลายเป็นว่า ทั้งตัวบุคคล ทั้งที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ และนโยบายที่ปล่อยออกมา หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมา ถือว่า “ยังไม่โดน” แบบที่ทุกคนต้องยกนิ้วให้ ส่วนใหญ่ออกมาในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะบางนโยบายที่ถูกวิจารณ์ว่ามีความเสี่ยงเรื่องวินัยการเงินการคลัง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากผลโพลที่ออกมากลับกลายเป็นพรรค ทั้ง “แคนดิเดตนายกฯ” และแนวโน้มผลการเลือกตั้งออกมาระบุว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง แต่ฟันธงว่า “ไม่มีทางแลนด์สไลด์” และที่สำคัญ พรรคที่กลายเป็นกระแสจากการสำรวจกลับพบว่า เป็นพรรคก้าวไกล ที่อยู่ในกลุ่มฐานเสียงเดียวกัน เรียกว่า “ตัดกันเอง” ความหมายก็คือ ก้าวไกลยิ่งแรง เพื่อไทยก็ยิ่งหดตัวนั่นเอง เพราะมองว่าจะไม่มีการโหวตข้ามฟาก จากลักษณะการแบ่งการเมือง “สองขั้ว” ชัดเจน
ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ วิเคราะห์ถึงกรณีผลโพลหลายสำนักที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นในช่วงหลังจะมีผลทางการเมืองอย่างไร ว่า ในการสำรวจของนิด้าโพล พบว่า พรรคเพื่อไทย มีคะแนนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย. 65 ที่ตอนนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เปิดตัวเข้าสู่การเมือง ก็พบว่า คะแนนนิยมในส่วนของตัวบุคคลที่ประชาชนจะเลือกเป็นผู้นำ คะแนน น.ส.แพทองธาร ก็เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ จนบางช่วงสูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสูงกว่าคนที่ตอบว่ายังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใคร จากนั้นคะแนนนิยมของ อุ๊งอิ๊ง ก็ไต่ขึ้นเรื่อยๆ

ขณะเดียวกัน พบว่า พรรคก้าวไกล ก็ตามพรรคเพื่อไทย มาแบบห่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แฟนคลับก้าวไกล จะอยู่ในช่วง 18-25 ปี ที่เรียกกันว่านิวโหวตเตอร์ ซึ่งเดิมก้าวไกลมีคะแนนนิยมในโหวตเตอร์กลุ่มนี้เยอะ แต่พอ “อุ๊งอิ๊ง” เริ่มเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ย.- ธ.ค. 65 และต่อเนื่องมา พบว่า ทำให้สามารถดึงคะแนนเสียงจากโหวตเตอร์กลุ่มนี้มาที่เพื่อไทยและอุ๊งอิ๊งได้ ส่งผลให้ผลโพลของนิด้าโพลที่ออกมา ตั้งแต่ทำโพลเลือกตั้ง 2566 คะแนนของอุ๊งอิ๊งและเพื่อไทยนำโด่งมาตลอด

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ผลโพลของนิด้าโพลล่าสุดที่ออกมาเมื่อ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ก้าวไกลพุ่ง แต่เพื่อไทยคะแนนลดลง จากที่เคยได้เยอะสุดตอนทำโพลเลือกตั้งครั้งแรกๆ ร่วม 49 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ก็เริ่มลดลงมาเหลือ 47 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทางกับพรรคก้าวไกล ที่ขึ้นจาก 17 เป็น 21 เปอร์เซ็นต์

นายสุวิชา กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ เกิดการแย่งกัน กินคะแนนเสียงกันเอง โดยก้าวไกลไปกินคะแนนของเพื่อไทย และพรรคเสรีรวมไทย และหากยังเป็นแบบนี้ พรรคเสรีรวมไทย อาจมีแค่หัวหน้าพรรคคนเดียวที่ได้เดินเข้าสภา ซึ่งการที่คะแนนนิยมของก้าวไกลสูงขึ้น ทำให้เพื่อไทยเกิดอาการมึน จนต้องเร่งปรับตัวกันใหญ่ เพื่อสู้กับกระแสก้าวไกล ตอนนี้หากสังเกตดูจะเห็นได้ว่า เพื่อไทยไม่มีคำว่าเกรงใจพรรคก้าวไกลอีกแล้ว การให้สัมภาษณ์ทุกวันนี้ของคนในพรรคเพื่อไทย ใส่ก้าวไกลเต็มๆ ไม่มีแตะเบรก ชนได้ชนเลย การที่พรรคก้าวไกลคะแนนขึ้น แต่เพื่อไทยลดลง ถามว่าแบบนี้ใครยิ้ม แน่นอนว่าก้าวไกล คงยิ้ม เพราะตัวเองคะแนนขึ้น

นั่นเป็นการวิเคราะห์ของ ผู้อำนวยการ “นิด้าโพล” ที่ก่อนหน้านี้ ระบุว่า พรรคเพื่อไทย กับก้าวไกลนำโด่งมาทุกครั้งที่มีการเปิดเผยผลสำรวจออกมา ซึ่งตรงข้ามกับ “ซูเปอร์โพล” ที่มักออกมาให้พรรคภูมิใจไทย มาแรง หรือแซงพรรคเพื่อไทย ก็มี
เมื่อวกกลับมาที่ “โทนี่” คุณตาหลานคนที่ 7 หมาดๆ บอกว่า “จะกลับไทยมาเลี้ยงหลานเร็วๆ นี้” แทบทุกคนมองตรงกันทันทีว่า นี้คือ “เกมปลุกสาวก” ให้ออกมา “เทเสียงให้เพื่อไทย” ในโค้งสุดท้าย หลังจากที่ผ่านมาเคยพูดแบบนี้มาแล้ว แต่ “ผิดคำพูด” ตลอด บอกว่าจะมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ก็ไม่มาอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด คราวนี้เมื่อพรรคเพื่อไทยรวมทั้งแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่แรงพอถึงเป้าหมาย และเสี่ยงจะเสียท่าให้กับ “พวกประชาธิปไตย” ด้วยกันเอง มันก็ยิ่ง “นั่งไม่ติด” ดังนั้น การประกาศจะกลับบ้านเที่ยวนี้ จึงถูกมองว่ามีเจตนาจะ “ปลุกสาวก” อีกครั้ง หวังให้เทใจกลับมาเลือกให้ขาด ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะได้ผลหรือมีคนเชื่อถืออีกมากน้อยแค่ไหน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น