“ชาญชัย” ยกกรณีศาลฎีกา ยกฟ้อง คดี “คิง เพาเวอร์” ฟ้องเรียกค่าเสียหาย หมิ่นประมาท 720 ล้าน ไม่เป็นความผิด ทั้ง 5 กรณี ฟ้องผู้เกี่ยวข้อง ฐานทำให้รัฐเสียหายหลายหมื่นล้าน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ศาลแพ่งถนนรัชดาภิเษก นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการศึกษาเสนอแนะกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่ง หมายเลขคดีดำที่ พ 545/2560 คดีหมายเลขแดงที่ พ 428/2562 โดยสั่งให้ยกฟ้องคดีที่กลุ่มบริษัท King Power เป็นโจทก์ฟ้องตน ในข้อหาละเมิด พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 720 ล้านบาท รวมถึงขอให้ลงโฆษณาขอโทษทางสื่อสารมวลชนด้วยนั้น ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ซึ่งในส่วนของคดีอาญา ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินโดยพิพากษาแล้วว่า ตนไม่ได้กระทำความผิดตามคำฟ้อง และไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ในการให้สัมภาษณ์สื่อใน 5 กรณีคือ 1) การทำสัญญาร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินภูมิภาค ระหว่าง บ.คิง เพาเวอร์ และ บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท โดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ ปี 2535 2) กลุ่ม บ.คิง เพาเวอร์ ไม่ได้ติดตั้งระบบรับรู้การขายสินค้าทันที (POS) ทำให้ ทอท.ไม่สามารถควบคุมการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าปลอดภาษีอากรได้ตามข้อเท็จจริงและถูกต้อง 3) การจ่ายค่าตอบแทนของ บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จ่ายค่าตอบแทนให้ ทอท. ไม่เป็นไปตามสัญญา 4) การขายสินค้าปลอดภาษีอากรที่ซอยรางน้ำ แล้วไปรับสินค้าที่สนามบิน โดยไม่จ่ายส่วนแบ่ง 15% ตามสัญญา เป็นการผูกขาดและไม่มีใครแข่งขันได้ 5) กรณีมีการเชิญตัวแทนจาก บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่ลแนล กรุ๊ป จำกัด เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารและพัฒนากิจการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาร่วมประชุมกันเป็นการภายใน เพื่อร่วมเสนอแนวคิดในการออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้ บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับข้อมูลมากกว่าผู้ประมูลรายอื่น จนชนะการประมูลในที่สุด
“ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงในส่วนแพ่ง จึงต้องรับฟัง ตามคดีอาญาว่า ไม่เป็นละเมิด ศาลท่านจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง โดยกำหนดให้กลุ่มคิง เพาเวอร์ ต้องชดใช้ค่าขึ้นศาลแทนผม ทั้ง 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา พร้อมทั้งกำหนดให้ชดใช้ค่าทนายความแก่ผมเป็นจำนวน 5 แสนบาทด้วย ทั้งหมดเป็นการต่อสู้ 2ฎีกา ในคดีอาญา และ 1 ฎีกา ในคดีแพ่ง รวม 10 สำนวนคดี ที่ใช้เวลาในการต่อสู้คดีพิสูจน์ข้อเท็จจริงมาตลอด 6 ปี 3 ศาล โดยผมได้ส่งสำเนาฎีกาอาญาให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.คลัง รมว.คมนาคม และคณะกรรมการ ทอท. ให้แก้ไขปัญหา ที่ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยถึวการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและสัญญา จนทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐที่ต้องสูญเสียเงินรายได้แผ่นดินที่ควรเข้ารัฐหลายหมื่นล้านบาทตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีใครหรือหน่วยงานราชการใดเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหานี้ ผมจะดำเนินคดีอาญาและแพ่งกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้ศาลลงโทษคนทำผิด และเพื่อนำเงินรายได้แผ่นดินกลับคืนเข้ารัฐ ทั้งหมดไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของผมและทีมทนายความที่ร่วมต่อสู้ในเรื่องนี้ แต่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและส่วนรวมสาธารณะของชาติทั้งสิ้น” นายชาญชัย กล่าว