รู้จัก “ศัน” หรือ ศันสนะ สุริยะโยธิน นักการเมืองหนุ่มรุ่นใหม่ หน้าตาดี ขวัญใจสาว ๆ คนนี้ เคยชิมลางเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากอุดมการณ์ทางการเมือง และม็อตโต้ "ก้าวข้ามความขัดแย้ง" ของพรรคพลังประชารัฐแล้ว ต้องอาศัยความจริงใจของตัวเอง และนโยบายพรรค เพื่อเป็นตัวชูในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้
ดร.ศันสนะสุริยะโยธินผู้สมัครส.ส.กทม.เขตธนบุรี-คลองสาน-ราษฎร์บูรณะพรรคพลังประชารัฐหมายเลข 1อดีตนักเรียนเก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยรุ่น 113เเละคว้าปริญญาตรีและปริญญาโทจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจากคณะพาณิชยศาสตร์เเละการบัญชี
"ศันสนะ"เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจการเมืองมาก่อนเลยมองภาพการเมืองติดลบด้วยซ้ำโดยเฉพาะตอนมีสงครามเสื้อสีต่อมาเมื่อเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมาธิการด้านการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดินในคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ด้านเศรษฐกิจการเงินและการคลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คณะทำงานดังกล่าวมีการเชิญตัวแทนกรมศุลกากรกรมสรรพากรมาหารือเรื่องการจัดเก็บรายได้แผ่นดินเลยเริ่มสนใจแวดวงการเมืองขึ้นมา
โดยสำหรับนายศันสนะเคยเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการด้านการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดินในกมธ.ด้านเศรษฐกิจการเงินและการคลังและเคยเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพาณิชย์ในกมธ.พาณิชย์การอุตสาหกรรมและการแรงงานสนช.อีกหนึ่งตำแหน่งด้วย
เจ้าตัวเปิดเผยถึงเเรงบันดาลใจในการลงสมัคร ส.ส.เมื่อปี 2562 เพราะก่อนหน้านี้ได้เข้าไปช่วยงานในคณะอนุกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจการเงินและการคลังของสภานิติบัญญัตแห่งชาติทำให้รู้ว่าการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของประชาชนผมอยากนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ผมมีมาแก้ไขและเสนอในสิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่คนในพื้นที่เเละเป็นการเมืองแบบใหม่ที่ควรเป็นเพื่อประเทศชาติ
"ผมมองว่าทุกพรรคการเมืองมีเจตนาที่ดีต่อประเทศแต่สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐมีความโดดเด่นคือเปิดกว้างให้โอกาสคนรุ่นใหม่ๆ ที่ไม่มีประวัติทางการเมืองได้นำความรู้ความสามารถเข้ามามีส่วนร่วมมีมุมมองใหม่และสามารถนำเสนอมุมมองความคิดที่ทำได้จริงไม่ยึดติดกับกรอบแนวคิดแบบเดิมๆในฐานะคนรุ่นใหม่จากประสบการณ์ที่ผมมีผมอยากผลักดันให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโตและแข็งแกร่งจะมุ่งเน้นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเอสเอ็มอีมุ่งสร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ชุมชนลดความเหลื่อมล้ำในสังคมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะเศฐษกิจชุมชนการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในชุมชน"
"ศันสนะ"ยังเล่าเพิ่มเติมว่าข้อดีของพรรคพลังประชารัฐคือการสานต่อนโยบายดีๆของรัฐบาลเช่นบัตรประชารัฐ เพราะดีกว่าเริ่มใหม่แล้วเกิดการสูญเปล่าการตั้งใจมาสานต่อและคิดสิ่งใหม่เพื่อต่อยอดไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆเราเป็นพรรคที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งและเป็นทางออกของประเทศ
อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ที่ผ่านมาด้วยกระแส"อนาคตใหม่"ฟีเวอร์ในช่วงนั้นส่งผลให้"เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร"เฉือนชนะ ศันสนะไปประมาณ 5,800คะแนนในปีนี้ผู้สมัครทั้ง 2คนจากเขตธนบุรี-คลองสาน-ราษฎร์บูรณะถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ดูน่าจับตามองและมีโอกาสก้าวเท้าเข้าสภาแบบสูสีมีลุ้นทั้งคู่