xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” ชี้ พรรคร่วมต้องโยนผิด “บิ๊กตู่” เพราะเชื่อแต่ทีม ศก.ตัวเอง ระบุขอ กกต.ใช้งบลดค่าไฟไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ธีระชัย” ชี้ พรรคร่วมฯ โยนผิดใส่ “บิ๊กตู่” เรื่องค่าไฟแพง ถูกต้องตามข้อเท็จจริงแล้ว เพราะนายกฯ ฟังแต่ทีมเศรษฐกิจของตัวเอง ซึ่งมีหลายคนรับผลประโยชน์จากทุนพลังงาน ระบุ การยื่นขอใช้งบกลาง 1.1 หมื่นล้านต่อ  กกต.เพื่อลดค่าไฟ อาจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนจำเป็น เพราะสามารถช่วยเหลือทีหลังได้

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในหัวข้อ พรรคร่วมกับค่าไฟแพง ระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อัดพรรคร่วมรัฐบาล โยนความผิดไม่รับผิดชอบค่าไฟแพง ลั่น อย่าลืมอยู่ร่วมกันมา 4 ปี อย่าเอาทุกอย่างมาโยนใส่ ท่านคงลืมไปว่าองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คือ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย จึงไม่มีอำนาจที่จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ดังนั้น การที่ พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้อยู่ร่วมกันมา 4 ปี อย่าเอาทุกอย่างมาโยนใส่ สำหรับพรรคพลังประชารัฐจึงเป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง

ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบค่าไฟแพง ก็คือ รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ ร่วมกับ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์
ดังนั้น การที่มีผู้วิจารณ์โดยเอาทุกอย่างมาโยนใส่ให้ พลเอก ประยุทธ์ นั้น ถูกต้องตามข้อเท็จจริงอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ถ้าท่านต้องการแนวคิดบริหารพลังงานให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ท่านก็ควรจะรับฟังทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ

ถ้าท่านไปรับฟังจากทีมเศรษฐกิจของพรรคของท่าน ก็ย่อมจะได้ข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง
เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคของท่าน มีหลายคนที่เคยได้รับผลประโยชน์จากบริษัททุนพลังงาน

แม้แต่ตัวท่าน พลเอก ประยุทธ์ เอง

ทีมเศรษฐกิจที่ไม่เป็นกลางเช่นนี้ ย่อมจะให้ความสำคัญแก่ประชาชนเป็นลำดับรอง
แต่อาจจะมีแนวโน้มเน้นเกื้อกูลแก่บริษัททุนพลังงานเป็นลำดับแรก ใช่หรือไม่?

ต่อมา เมื่อเวลา 07.22 น. วันนี้ นายธีระชัย โพสต์ข้อความในหัวข้อ กกต.กับค่าไฟ ระบุว่า ข่าว managerOnline วันที่ 28 เม.ย. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ 11,112 ล้านบาท เพื่อช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน โดยสำนักเลขาธิการ ครม.ได้นำส่งหนังสือของกระทรวงพลังงาน ที่ขอให้ กกต.พิจารณาให้ความเห็นชอบตามมติ ครม.

สำนักงาน กกต.ได้ตรวจสอบเอกสารแล้ว พบว่า สำนักเลขาธิการ ครม.ไม่ได้แจ้งมติ ครม.ที่เห็นชอบในหลักการเรื่องดังกล่าวมาให้ กกต.พิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 กำหนดไว้

เมื่อเอกสารที่ส่งมายังดำเนินการไม่ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน กกต.จึงได้ส่งหนังสือดังกล่าวกลับไปยังสำนักเลขาธิการ ครม.และขณะนี้สำนักงาน กกต.ก็ยังไม่ได้รับหนังสือฉบับใหม่จากทางสำนักเลขาธิการ ครม.

ผมไม่ก้าวล่วงดุลพินิจของสำนักงาน กกต. และเชื่อว่า ท่านจะพิจารณาคำขอของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ นี้ อย่างถูกต้อง แต่มีข้อสังเกตให้แก่ผู้อ่านดังนี้

1 ณ นาทีนี้ ไม่มีประเด็นอะไรที่ร้อนแรงสำหรับการเลือกตั้ง เท่ากับค่าไฟฟ้า ที่แพงมโหฬารจากการบริหารงานแปดปีของพลเอกประยุทธ์ที่ผิดพลาด

2 มีเวทีดีเบตหลายเวที ที่เน้นยกประเด็นนี้ขึ้นถกเถียง เพื่อเป็นประเด็นหาเสียง และแนวโน้มจะเข้มข้นมากขึ้นไปจนถึงวันเลือกตั้ง จึงเป็นประเด็นที่มีการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคการเมือง

3 บิลค่าไฟที่จะส่งถึงมือประชาชนในเดือนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง ถ้าแพงขึ้นกว่าเดิมมาก ก็ย่อมจะทำให้พลเอก ประยุทธ์ เสียคะแนนความนิยมอย่างฉับพลัน

4 กรณีสมมติถ้าหากได้งบประมาณ 11,112 ล้านบาท มาเพื่อช่วยลดบิลค่าไฟ ความรู้สึกไม่พอใจต่อวิธีการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ก็ย่อมจะดีขึ้น ไม่มากก็น้อย

5 การใช้งบประมาณ 11,112 ล้านบาท เพื่อช่วยลดบิลค่าไฟนั้น อันที่จริงก็คือเป็นการใช้เงินของประชาชนในอนาคต มาพรางปัญหาในปัจจุบัน

6 เหตุผลที่กล่าวว่า เป็นการใช้เงินของประชาชนในอนาคตนั้น เนื่องจากงบประมาณแต่ละปีขณะนี้ขาดดุล และรัฐบาลจำเป็นจะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณทุกปี

7 ดังนั้น งบประมาณ 11,112 ล้านบาท ก็คือ มาจากการเพิ่มหนี้สาธารณะนั่นเอง และในเมื่อประชาชนมีภาระจะต้องชำระคืนหนี้สาธารณะในอนาคต จึงเป็นการเอาเงินของลูกหลานมาช่วยแก้ปัญหาในวันนี้

8 อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาโดยใช้งบประมาณ 11,112 ล้านบาท เพื่อช่วยลดบิลค่าไฟนั้น เป็นการแก้ปัญหาแบบฉาบฉวย เพราะไม่ได้มีการปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าแต่อย่างใด

9 ถ้า พลเอก ประยุทธ์ ยื่นขอใช้งบประมาณ 11,112 ล้านบาท ไม่ใช่ช่วยลดบิลค่าไฟเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าหากเป็นการใช้งบประมาณเพื่อปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าไปด้วย ก็น่าจะดีกว่า

10 เมื่อวันที่ 28 เมษายน รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ โทรศัพท์เข้าไปในรายการทีวีช่องสาม กล่าวว่า ถ้าหากสำนักงาน  กกต.ไม่อนุมัติก่อนเลือกตั้ง การช่วยเหลือค่าไฟก็ยังสามารถดำเนินการได้ย้อนหลัง
น่าคิดว่า คำพูดนี้ ทำให้ความจำเป็นเร่งด่วนในการยื่นขออนุญาตลดไป หรือไม่?

11 ในรายการทีวีช่องสามดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ อธิบายเหตุผลที่ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณ 11,112 ล้านบาทได้ก่อนหน้า โดยอ้างว่าต้องรอข้อมูลเสียก่อน ซึ่งหลายพรรคการเมืองแสดงท่าทีไม่เชื่อ

โดยเห็นว่า ข้อมูลเทคนิคทำนองนี้สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ จึงมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการยื่นเรื่องไปที่ กกต.


กำลังโหลดความคิดเห็น