xs
xsm
sm
md
lg

"เรืองไกร" ร้องกกต.สอบ "พิธา" ปมดราม่างานศพพ่อ จับโป๊ะ บอกพ่อเสีย 19 ก.ย. แต่โชว์ภาพเขียนเริ่มจัดงานวันที่ 18 ก.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เรืองไกร" ร้อง กกต.สอบ "พิธา" ปมดราม่างานศพพ่อ จับโป๊ะ บอกพ่อเสีย 19 ก.ย. แต่โชว์ภาพเขียนเริ่มจัดงานวันที่ 18 ก.ย.ยัน ไม่ใช่เกมสกัด "ก้าวไกล"

วันนี้​ (28 เม.ย.)นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหลักฐานขอให้กกต.ตรวจสอบกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ให้สัมภาษณ์ผ่ายรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงการร่วมงานศพคุณพ่อ ในช่วงรัฐประหาร​ เมื่อปี​ 2549

นายเรืองไกร​ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว เข้าข่ายผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 73 (5) และต้องการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะเกี่ยวข้องกับมิติทางการเมืองที่หาเสียง ทั้งที่ขณะนี้ก็อยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่กลับมีคำพูดให้เกิดประเด็นทางสังคม ซึ่งเมื่อนำบทสัมภาษณ์ในรายการของสรยุทธไปเทียบกับรายการของนางสุริวิภา​ กุลตังวัฒนา​ หรือหนูแหม่ม​ที่นายพิธา​ ได้ให้สัมภาษ​ณ์เมื่อปี 2552 มีความแตกต่างกัน แต่นายพิธาก็ออกมาบอกว่าเป็นข้อเท็จจริงทั้งคู่ จึงต้องการให้กกต.ตรวจสอบใน 4 ประเด็น

1.นายพิธา อ้างว่านายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ซึ่งความจริงแล้วขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ของนายทักษิณ ชินวัตร 2. นายพิธาบอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ขณะที่นายพิธา ได้โชว์ภาพกระดานงานศพ กำหนดจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.2549 โดยมีเจ้าภาพเป็นภรรยาและบุตร

3. นายพิธา บอกว่า ตนทำงานเป็นข้าราชการการเมือง ช่วยงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณ แต่นายพิธา ชี้แจงว่า ขณะนั้นตนเรียนหนังสือที่บอสตัน ทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน 4.นายพิธาบอกว่า ตนเองถูกอายัดเงินในบัญชี 2-3 เดือน ไม่สามารถนำเงินมาจัดงานศพพ่อได้ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการควบคุมบัญชีต้องผ่านคำสั่งของ คมช. โดยขณะนั้นตนเองทำงานอยู่ที่ สตง.ไม่เคยเห็นรายชื่อของนายพิธาเข้าข่ายโครงการที่จะต้องตรวจสอบ

ทั้งนี้นายเรืองไกร ยังได้ยกคำวินิจฉัยของ กกต. เรื่องการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าแลง เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 อ.ท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ว่าถ้ามีการหาเสียงอันเป็นเท็จ ต้องถูกดำเนินคดี

"หากตรวจสอบคนอื่นได้ตนเองก็ต้องตรวจสอบได้เช่นกัน ในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะ กกต.ต้องรีบดำเนินการพรรคที่อ้างว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องตรวจสอบกันเอง เรื่องแบบนี้ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมขอให้ตรงไปตรงมา ตนเองอยู่การเมืองมา เคยตรวจสอบแล้วทุกฝ่าย"

เมื่อถามว่า กังวลว่าจะถูกฟ้องอีกหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า ไม่กลัว เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ นายพิธาเป็นนักการเมืองมาแล้ว 4 ปี กรณีที่นายพิธาเคยฟ้อง คือ มาตรา 326 และ มาตรา 328 แต่มีมาตรา 329 คุ้มครอง ต่อมาทางกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่บางท่านได้มาพูดคุยกับตน และในที่สุดเมื่อขึ้นศาล ทนายของพรรคก็ได้เจรจา และถอนไป ก็ขอบคุณ ตนร้องเรียนปกติ ถ้าวันนี้จะฟ้องอีก ก็ยินดี จะได้พิสูจน์ที่นายพิธาเคยระบุว่า ทุกคนควรถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่พอนายพิธาโดนเองกลับมาฟ้อง นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ประชาชนควรได้รับทราบ

“ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต และเที่ยงธรรมใช่หรือไม่ ตรงไปตรงมา ผมอยู่การเมืองมา ผมตรวจมาแล้วทุกฝ่ายทุกคน คุณพิธาก่อนหน้านี้ก็ตรวจ พอตรวจเสร็จ ก็ฟ้องหมิ่นประมาทผม ท่านจะแก้กฎหมายหมิ่นประมาท แต่ท่านฟ้องหมิ่นประมาทผม ท่านจำได้ใช่ไหม แล้วตอนหลังมาขอคุย แล้วขอยกไป พี่น้องอาจจะไม่รู้ ท่านฟ้องผม ผมก็บอก ฟ้องก็ฟ้อง แล้วตอนหลังมาคุยกันว่าไม่ควร ฟ้องในฐานะพรรคก้าวไกล ฟ้องนายเรืองไกร ลงชื่อนายพิธา อย่างนี้ก็มี พี่น้องต้องทราบข้อเท็จจริงให้รอบด้าน และนำไปพิจารณา ท่านจะเลือกพรรคไหน ดุลพินิจอยู่ที่พี่น้องประชาชน คนไหนไม่ถูกไม่ต้อง ผมมั่นใจในข้อเท็จจริงที่เพียงพอที่จะนำสู่การร้องต่อกกต.ในวันนี้”

เมื่อถามว่า เป็นการสกัดกระแสของพรรคก้าวไกลที่กำลังนำอยู่ขณะนี้หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนไม่ได้ห่วงเรื่องกระแส ถ้านายพิธาไม่ได้พูดกับนายสรยุทธวันนั้นก็ไม่เกิดประเด็น ตนก็ตามดู แต่พอเห็นที่นายพิธามาแก้ต่าง ตนจึงนำข่าวมายันกลับ ว่าสิ่งที่พูด ข้อเท็จจริง อะไรใช่หรือไม่ใช่ กกต.คงเรียกมาสอบ ซึ่งหลักฐานเอกสารตนไม่ได้แต่งเติมข้อความเป็นเท็จแต่อย่างใด ว่ากันไปตามระบบ ใครทำผิดทำพลาดอะไรก็ต้องยอมรับกติกาสังคม




กำลังโหลดความคิดเห็น