ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"พิธา"ยักไหล่คงไม่พอ! โดนมะรุมมะตุ้ม จับโป๊ะ "ดรามางานศพพ่อ" กุเรื่องเรียกคะแนนสงสาร แถมนักร้อง “พี่ศรี” แจมจ่อยื่น กกต.
ว่าด้วยดรามา “งานศพพ่อ”ภายหลังจาก“เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคก้าวไกล ไปให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่บิดาเสียชีวิตช่วงรัฐประหาร ปี 2549 ขณะนั้นกำลังศึกษาอยู่ที่บอสตัน จึงนั่งเครื่องบินไทยคู่ฟ้า กลับมาไทย แล้วโดนกักตัวที่กองทัพอากาศ จนทำให้ไปงานศพพ่อ 2 คืนแรกไม่ทัน และยังโดนอายัดบัญชี ทำให้ไม่มีเงินไปจัดงานศพ
ต่อมา“เสธ.นิด”พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่สนิทกับ “พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์” บิดาของพิธา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า พิธา “กุเรื่อง” อยากสร้างดรามาขึ้นมาเพื่อเรียกคะแนนสงสาร
“เสธ.นิด” ยังบอกว่า พงษ์ศักดิ์ บิดาของพิธา เป็นนักธุรกิจมีฐานะเข้าขั้นร่ำรวยอีกตระกูล จากการเป็นผู้นำเข้าเชือกมะนิลาเพียงผู้เดียว ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา และมีห้างในสำเพ็ง ก่อนที่พงษ์ศักดิ์ จะเสียชีวิต ยังบริหารกิจการกว่า 10 บริษัท พร้อมยืนยันเห็น พิธาในงานศพพ่อด้วย
แน่นอนเรื่องนี้ ถูกขยายกลายเป็นประเด็นฮอตขึ้นมา ร้อนถึง “พิธา” ต้องออกมาสวนด้วยการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “พิธา” ว่า ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาอธิบายหนึ่งในเหตุการณ์บีบหัวใจที่สุดในชีวิต นั่นคือการสูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รักอย่างกะทันหัน โดยที่ไม่ได้มีโอกาสร่ำลากัน ในช่วงการรัฐประหาร 2549 โดยขอยืนยันความจริงโดยรูปภาพ 3 ภาพ ที่แสดงให้เห็นว่างานศพของบิดา เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-24 ก.ย.49 ส่วนคำถามว่าสรุปแล้วมาทันหรือไม่ คำตอบคือ มาทันครึ่ง (วันที่ 22-24 ก.ย.) และไม่ทันครึ่ง (วันที่ 18-20 ก.ย.)
จากนั้น เมื่อกลับมาจากต่างประเทศ ตัวเองถูกกักตัวอยู่ 5-6 ชั่วโมง จำได้ว่าถึงบ้านก่อนคุณแม่ และน้องที่ใส่ชุดดำกลับมาจากงาน แล้วเราก็กอดกันเป็นครั้งแรกหลังสูญเสียคุณพ่อ
ส่วนเรื่องที่มีบุคคลอ้างเป็นเพื่อนพ่อ บอกว่าเห็นตนเองในงานศพพ่อตั้งแต่วันแรก คงจะเข้าใจผิด เป็นไปไม่ได้ จำเป็นน้องชาย ของตัวเองรึเปล่า เพราะหลักฐานก็ชัดว่าวันนั้นยังอยู่ที่อเมริกาอยู่เลย
และสุดท้ายรูปถ่ายของครอบครัวและตนเองในงานศพของบิดาในวันที่ 22 ก.ย.49
“พิธา” ทิ้งท้ายด้วยว่า เมื่อเข้าสู่การเมือง โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ก็จะมีการโจมตีกันมาเรื่อยๆ จากนี้เป็นต้นไป ทราบดีว่าเป็นปกติของการเมือง ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร ขอให้ทุกคนมีสมาธิกับการหาเสียง และเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชนต่อไป
สรุปว่างานนี้ “พิธา”โดนดรามาเล่นงานกลับ โทษฐานพูดเรื่องนี้ไม่ตรงกันในแต่ละครั้งที่ให้สัมภาษณ์ จนเป็นที่มาถูก "เสธ.นิด" จับโป๊ะ
จริงหรือเท็จ เท็จหรือจริง ชาวโซเชียลฯ ยังไม่สงบ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" อดีตผู้แทนการค้าไทย สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าคณะเดินทางเที่ยวบินที่ “พิธา”ร่วมบินกลับมาไทยในช่วงนั้น ได้ออกมาย้อนเหตุการณ์ โดยบอกว่า ตัวเองไม่ได้โดนกักตัว หรืออายัดทรัพย์ เหมือนที่ “พิธา” เล่าอ้างแต่อย่างใด
เท่านี้ไม่พอ ฟังว่า “นักร้อง” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาเคลื่อนไหวผสมโรงดรามานี้ โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า การให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ “พิธา” อาจเป็นการจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองด้วยหรือไม่ ตาม มาตรา 73 (5) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของผู้นั้น มีกําหนด 20 ปีอีกด้วย โดยวันนี้ (28 เม.ย.66) จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัยเรื่องนี้
มาถึงตรงนี้ ที่ “พิธา” บอกว่าทำใจไว้แล้ว เพราะเป็นช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทำท่าจะยักไหล่ไปต่อแบบหล่อๆ ด้วยเห็นเป็นประเด็นไม่น่ามีอะไรในกอไผ่ และเรื่องก็น่าจะจบลงไปได้เมื่อตัวเองอธิบาย แต่พอมี “นักร้อง” มาสมทบกับดรามา แถมว่าจะยื่นเรื่องไปถึง กกต. งานนี้จะกลายเป็นหนังชีวิตหรือไม่ ต้องติดตาม
**ชัดเจน! “อนุทิน”กำหนดเกม ใครจะมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ต้องสนับสนุนกฎหมายกัญชาเพื่อการแพทย์
แม้ผลโพลสำนักต่างๆ โดยเฉพาะนิด้าโพล จะชี้มาตลอดว่า “พรรคเพื่อไทย” มีโอกาสชนะการเลือกตั้งครั้งนี้มากกว่าใคร พร้อมกับ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งที่คนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ... แต่ระยะหลังมานี้ กระแสพรรคก้าวไกล และ “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังแรงขึ้นมาทำท่าจะเบียด ส่วน“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย ตามมาห่างๆ ไม่หลุดโผ
เมื่อเร็วๆนี้ มีโพลหน่วยงานความมั่นคง ที่ไม่ได้สุ่มถามทางโทรศัพท์ หรือโซเชียลฯ แต่ใช้เครือข่ายในพื้นที่จริง ประเมินผลเลือกตั้งออกมา แบบระบุตัวเลขเลยว่า พรรคไหนจะได้จำนวนส.ส.เท่าไร โดยพรรคเพื่อไทยได้ 188 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทยได้ 73 ที่นั่ง รวมไทยสร้างชาติ 69 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 63 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 43 ที่นั่ง ก้าวไกล 32 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 12 ที่นั่ง ที่เหลือเป็นพรรคต่ำสิบอีก 4 พรรค
ตามผลโพลนี้ “เพื่อไทย” ชนะ แต่ไม่แลนด์สไลด์ เมื่อรวมกับก้าวไกล แล้วก็ได้เพียงแค่ 220 เสียง ขณะที่ขั้วรัฐบาลเดิม พรรคภูมิใจไทย มาที่หนึ่ง 73 ที่นั่ง เมื่อรวมกับพรรคในขั้วนี้ ก็จะมีเสียงส.ส.อยู่ 260 ที่นั่ง ยังไม่รวมพรรคต่ำสิบ
“พรรคภูมิใจไทย” จึงมีโอกาสทั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นพรรคตัวแปรที่อาจจะไปรวมกับขั้วตรงข้ามก็ได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลโพลของฝ่ายความมั่นคงนี้หรือเปล่า... ล่าสุด “อนุทิน ชาญวีรกูล” ออกมาประกาศความมั่นใจว่า เลือกตั้งครั้งนี้ “ภูมิใจไทย” จะมีจำนวน ส.ส.เพียงพอที่จะเสนอ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ที่มีเนื้อหาครอบคลุมการนำกัญชา กัญชง มาใช้อย่างถูกวิธี เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง อย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา กฎหมายกัญชา ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานั้น สภาได้ให้ความเห็นชอบในหลักการ วาระที่ 1 แล้ว ต่อมาในชั้นกมธ.ฯ ซึ่งมีตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองร่วมกันพิจารณา มีรายละเอียดมากขึ้น จากเดิม 45 มาตรา เพิ่มเป็น 95มาตรา แต่พอเข้าสู่การพิจารณา วาร 2 วาระ 3 ช่วงท้ายของอายุสภาฯ ก็ไปเจอ“เกมสภาล่ม”จากทั้งฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้าน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่วางกรอบแน่นหนา ว่าจะใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพื่อสันทนาการ ก็เลยต้องตกไป
“อนุทิน” ยืนยันว่าหลังการเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยจะเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชานี้กลับเข้าไปในสภาอีกครั้ง และยังบอกว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้วพรรคภูมิใจไทยได้เสนอเงื่อนไข จะต้องปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด และก็สามารถปลดล็อกได้แล้ว เพียงแต่พอจะออกกฎหมายมารองรับการใช้กัญชา กลับมีขบวนการเตะตัดขา
“อนุทิน” บอกว่าทุกวันนี้การใช้กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ไม่ได้ทำร้ายสังคม ไม่เคยทำให้เป็นปัญหา แม้จะมีคนอย่าง “ชูวิทย์” พยายามออกมาด้อยค่า กล่าวหาให้ร้าย บิดเบือนไปเป็นเรื่องสันทนาการ ก็ตาม
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ “อนุทิน” ประกาศเงื่อนไขชัดๆ เป็นเรื่องหลักว่า ... ถ้าใครจะมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ต้องสนับสนุนกฎหมายกัญชา ให้ออกมาบังคับใช้เท่านั้น จึงจะรับพิจารณา