ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ชี้มูล นายธรรมศทรรศ หรือ ทักษนัย กี่สุ้น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว มีส่วนได้เสียในโครงการปรับปรุงระบบจ่ายน้ำประปาเทศบาลตำบลท่างิ้ว
วันนี้ (27 เม.ย.) สำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น หรือ นายทักษนัย กี่สุ้น นายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว กับพวก ว่า มีการทุจริตในการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบจ่ายน้ำประปาเทศบาลตำบลท่างิ้ว หมู่ที่ 1-8 นั้น จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่า เทศบาลตำบลท่างิ้ว โดยนายธรรมศทรรศ กี่สุ้น หรือ นายทักษนัย กี่สุ้น นายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว ได้ทำสัญญาจ้างโครงการปรับปรุงระบบจ่ายน้ำประปาเทศบาลตำบลท่างิ้ว หมู่ที่ 1-8 กับร้านพรประเสริฐ โดยมี นายประเสริฐ สิทธิชัย เจ้าของร้าน และ นายธีระศักดิ์ สิทธิชัย ตัวแทนของร้าน
แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในงวดงานที่ 2 และ 3 นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น นายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว ได้สั่งการให้นายสุทธิลักษณ์ ทวนดำ นายสายัณห์ สมาธิ นายปิยะพงษ์ รักแหลมแค นายชม คลายทุกข์ ลูกจ้างของเทศบาลตำบลท่างิ้ว ดำเนินการติดตั้งมิเตอร์และระบบประปา โดยที่ทางร้านพรประเสริฐ คู่สัญญาไม่ได้ดำเนินการ
ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ว่าการกระทำของนายธรรมศทรรศ กี่สุ้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น และมีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลนั้นเป็นคู่สัญญา หรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาลนั้น หรือที่เทศบาลนั้นตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 48 และมาตรา 73
การกระทำของ นายสุทธิลักษณ์ ทวนดำ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายสายัณห์ สมาธิ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ นายปิยะพงษ์ รักแหลมแค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายประเสริฐ สิทธิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 และนายธีระศักดิ์ สิทธิชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา กับ นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น นายสุทธิลักษณ์ ทวนดำ นายสายัณห์ สมาธิ นายปิยะพงษ์ รักแหลมแค นายประเสริฐ สิทธิชัย และนายธีระศักดิ์ สิทธิชัย และส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ กับนายธรรมศทรรศ กี่สุ้น ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91(1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป
และให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของ นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น พิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก หากผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้ใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 98 โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0804.3 / ว 711 ลงวันที่ 7 เมษายน 2564 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของผู้ถูกกล่าวหา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป