“เสธ.นิด” เพื่อนพ่อ “พิธา” แฉ “หัวหน้าพรรคดัง” โกหก ถูกควบคุมตัวจนมางานศพพ่อไม่ทัน และถูก คสช. อายัดบัญชี จนไม่มีเงินจัดงานศพ ชี้ กุเรื่อง ดรามาให้คนสงสาร “อดีตทูตนริศโรจน์” ถาม บินกลับได้ เพราะมือขวา “ทักษิณ”?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 เม.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni ของ พลอากาศโท วัชระ ฤทธาคนี หรือ “เสธ.นิด” อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกับ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดาของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“อรัมภบท : อนุสนธิจากเมื่อคืนนี้ที่ว่า ผมจะ “ชี้พฤติกรรมที่บ่งชี้ว่านักการเมืองคนนี้ ที่ไม่มีธรรมะ ขาดความสัตย์ และมีอคติอย่างไร้ยางอาย ไม่มีหิริโอตตัปปะ”
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนักการเมืองคนนั้นที่ผมจำเป็นต้องชี้ถึงจุดอ่อนของการเป็นผู้นำทางการเมือง และไม่ควรจะเอาเยี่ยงอย่าง
ผมกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่เคยมีความบาดหมางกันเป็นการส่วนตัว และเราเคยเจอกันในงานศพคุณพ่อของเขา ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้อง BCC เคยทำงานร่วมกันที่ อ.ต.ก.จตุจักร เคยเสวนาสังสรรค์กันหลายครั้ง ผมพอรู้จักตระกูลนี้ เพราะลุงของเขาเป็นเพื่อนรุ่นนักเรียนผมเอง
เรื่องที่นายพิธาให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ ๒ วาระ ๒ สถานี ๒ คน ที่สัมภาษณ์แต่เนื้อหาคนละเรื่อง
ที่สำคัญ นายพิธา จำวันเสียชีวิตของบิดาไม่ได้ ซึ่งมีคำให้สัมภาษณ์ในคลิป
ซึ่งในคลิปนายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า คุณพ่อตายวันที่ ๑๙ ก.ย. ๔๙ แต่ความจริงคุณพ่อเขาตาย ๑๘ วันตายพ่อยังจำไม่ได้ดีเลย และ/หรือไม่ตรวจสอบให้แน่ชัด (ผมมีหนังสืองานศพคุณพ่อของเขายืนยันได้) ทั้งยังโกหกเรื่องถูกจับ หรืออะไรทำนองนั้น แต่เขาสร้างเรื่องขึ้นมาอ้างในการให้สัมภาษณ์ครั้งกับนายสรยุทธ
นายพิธา ในคลิปหนึ่ง เมื่อให้สัมภาษณ์ครั้งแรก เล่าว่า ตัวเองเป็นนักศึกษาต้องการกลับบ้านมางานศพคุณพ่อ แต่อีกคลิปหนึ่ง สัมภาษณ์ครั้งหลัง อ้างว่า เป็นที่ปรึกษา ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ขณะนั้น ผมคิดว่า “ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ย่อมรู้ดี และคณะเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ก็สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่จริง”
สังคมจับโกหก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ๒ ครั้ง คือ เขาอภิปรายในสภา ว่า “จะยกเลิกเงินบำนาญข้าราชการเกษียณ เพราะเป็นช้างป่วยเป็นภาระของชาติ” อะไรทำนองนั้น แต่ก่อนกฎหมายเลือกตั้งจะประกาศใช้บังคับ เขาปฏิเสธว่า ไม่เคยมีแนวคิดเช่นนั้น แต่มีคลิปของเขาอภิปรายไว้ชัดเจนถึงอคติกรรมในใจเขา
นายพิธา มีอคติจงใจที่จะชี้นำการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เพราะ นายพิธา เสียประโยชน์แน่นอน เพราะเป็นหลานอาของ นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เลขานุการส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หนีคุก และการให้สัมภาษณ์เช่นนั้นเป็นการขอความเห็นใจจากสังคมเสมือนว่า “เขาถูกรังแกโดยฝ่ายทหาร” ซึ่งไม่เป็นความจริง
ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni ได้โพสต์ข้อความในเวลาไล่เลี่ยกันอีกว่า
“ข้อพิจารณาเพิ่มเติมการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักการเมือง ในคำให้สัมภาษณ์กับนายสรยุทธ ๒ เรื่อง ที่เขากุขึ้นมา
๑. ถูกควบคุมตัวที่กองทัพอากาศ ดอนเมือง จนมางานศพไม่ทัน แท้จริงแล้ว เขาถูกกักตัวที่ กองทัพอากาศ เพราะวันนั้น คมช.ยึดอำนาจแล้ว และตัวเขาเองก็ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก ๒๕๕๒ ว่า “ถูกกักตัวเพียง ๔-๕ ชั่วโมงเท่านั้น เพราะว่าเหตุการณ์กำลังตึงเครียด (ระวังกองทัพอากาศอาจจะฟ้องหมิ่นประมาทให้ร้ายกองทัพอากาศได้นะ)”
แต่มาให้สัมภาษณ์ปีนี้ว่า “ถูกกักตัวจนมางานศพพ่อไม่ทัน” งานสวดศพคุณพงษ์ศักดิ์นั้น คืนแรกผมก็ไปและได้เจอนายพิธาด้วย”
คุณพ่อเขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานด้วยกันที่ อ.ต.ก.และ พูดคุยกันบ่อย พี่ชายหรือลุงนายพิธารู้ดี เพราะเป็นเพื่อนรุ่นที่สนิทกันพอควร
แม้ก่อนเสียชีวิตนั้น ผมแนะนำคุณพงษ์ศักดิ์ ว่า ควรจะไปโรงพยาบาลศิริราช เพราะเกิดอาการไอต่อเนื่องไม่ทราบสาเหตุ
ผมแนะนำเพราะคิดว่าต้องมีการวินิจฉัยอย่างละเอียดด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ประจำห้องแลป ยังคุยกันอยู่ก่อนตายครับ
๒. นายพิธา กุเรื่องให้เป็นดรามาว่า “ต้องวิ่งหาเงินทำศพพ่อ” ไร้สาระจริง อยากสร้างดรามาเพื่อให้คนสงสาร
คุณพงษ์ศักดิ์ เป็นนักธุรกิจฐานะเศรษฐี อีกทั้งตระกูลนี้มีฐานะร่ำรวยจากเป็นผู้นำเข้าเชือกมะนิลาผู้เดียวในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา มีห้างในสำเพ็ง
ก่อนคุณพงษ์ศักดิ์เสียชีวิต คุณพงษ์ศักดิ์บริหารกิจการกว่า ๑๐ บริษัท นายพิธา มาสร้างดรามาเขาไม่มีเงินเพราะถูกควบคุม
คสช.ไม่เคยควบคุมการเงินของตระกูลนี้เลยครับ (ผมต้องรู้ครับเพราะลุงของพิธามีโยงใยกับเพื่อนทหารหลายคนและคงต้องแจ้งให้พวกเราทราบและบุคคลในตระกูลนี้ไม่มีใครถูก คสช.ควบคุมตัว แม้นายผดุง ก็ตาม (ลองตรวจสอบดู)
ขณะเดียวกัน นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“คุณพิธาครับ ผมมีคำถามที่อยากทราบ ขอถามกันตรงๆ เลยนะครับว่า
การที่คุณได้นั่งเครื่องบินร่วมกับ ขรก.อีก 20-30 คน จาก นิวยอร์ก กลับ กทม. โดยเครื่องพิเศษนี้ลงที่สนามบิน บก.ทอ. ในกองทัพอากาศ เพราะเป็นเครื่องเที่ยวบินพิเศษที่รัฐบาลตอนนั้นเช่าเหมาลำจาก TG (เครื่อง A340-500) พาคุณทักษิณไปนิวยอร์ก แต่พอคุณทักษิณถูกปฏิวัติปี 49 เครื่องบินเลยต้องบินตีกลับ กทม.พร้อม ขรก.ที่เหลือซึ่งต้องเดินทางกลับไทยพร้อมเครื่องตามที่คุณเล่าในรายการคุณสรยุทธ และ คุณแหม่ม สุริวิภา นั้น เป็นเพราะคุณอาของคุณ ที่ชื่อ ผดุง (นามสกุลเดียวกับคุณ) ที่ทำงานเป็นมือขวาคนสนิทของคุณทักษิณ ฝากให้คุณได้นั่งมากับเครื่องลำนั้นใช่มั้ยครับ ?
คุณโชคดีจังนะครับ นี่ถ้าเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาคงต้องหาไฟลต์บินกลับกันเองจนวุ่นวายและลำบากกว่านี้มาก
หมายเหตุ เครื่อง A340-500 ของ TG รุ่นนั้น ผลประกอบการขาดทุนย่อยยับ ถูกจอดทิ้งเป็นซากขายไม่ออกอยู่ที่อู่ตะเภา ว่างๆ ก็พาสมาชิกพรรค ก.ก. ไปเยี่ยมชมได้นะครับ จะได้เป็นกรณีศึกษาเรื่องการคอร์รัปชันซื้อเครื่องบินหวังค่าคอมมิชชัน!”