นักบินแก่ “ประยุทธ์” นำทีมอรหันต์ รทสช. แถลงเปิดนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” การันตีเป็นบุคลากรคุณภาพ โชว์ 16 นโยบาย พร้อมทำทันที 10 นโยบายช่วย ปชช.
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.44 น. ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ลาราชการช่วงบ่าย สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงินโลโก้พรรค คลุมทับด้วยเสื้อสูทลำลอง รองเท้าผ้าใบ ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าที่ทำการพรรค มี นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค ให้การต้อนรับ ก่อนเข้าห้องรับรองเพื่อเตรียมแถลงข่าวภายใต้หัวข้อ “ประชาชนจะได้อะไรจากนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ”
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ นำแถลงข่าว พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ และ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยใช้เวลาแถลงข่าว 2 ชั่วโมง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่พูดวันนี้เป็นสิ่งที่เราได้ทำมาแล้วหลายปีหลายอย่างสำเร็จ หลายอย่างยังไม่สำเร็จ และหลายอย่างอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งมีอุปสรรคมากมาย ในส่วนของพรรคทำแบบมีระบบมีวิธีคิด คำนึงถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่พูดแล้วไม่มีวิธีการทำ หลายพรรคพูดถึงนโยบาย แต่ตนจะไม่ไปแตะต้องใครทั้งสิ้น แต่นโยบายต้องคิดให้รอบคอบ ต้องมีคำตอบ ผลที่ต้องการได้คืออะไร ผลบรรลุคืออะไร มีต้นทุนยังไง ไม่ใช่นโยบายออกไปแล้วหาเงินไม่ได้ มีผลด้านเดียว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อนาคตถ้าเราสามารถเข้ามาในสภาได้ก็จะดำเนินการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างดี เพราะการเลือกตั้งเราก็ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค แต่ละพรรคมีนโยบายของตัวเองเหมือนกับนักฟุตบอลต่างสโมสรมาเข้าทีมแข่งขันทีมชาติมันก็มีปัญหาหมด เวลาประชุมอะไรต่างๆ ก็ต้องคำนึงถึงนโยบายพรรคด้วย ตนขอร้องให้ทุกคนได้มองถึงนโยบายของรัฐบาลด้วยเพราะเป็นนโยบายภาพรวม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นี่คือ บุคลากรที่มีคุณภาพทั้งสิ้น ทั้งทำแล้ว ทำอยู่ แล้วก็มีโอกาสที่จะทำต่อ หลายท่านก็ยังทำงานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พรรคที่มีเฉพาะคนอายุเยอะๆ จริงๆ แล้วมีทุกช่วงวัย ประเทศไทยมีหลายช่วงวัย เราดูแลคนทุกๆ วัย นี่คือ ประเทศไทยของเรา ประชาชนของเรา หากรอฟังเฉพาะให้ไอ้นี่ได้ไอ้นั่น แล้วไม่ต่อเนื่องไม่ยึดโยงกับสิ่งที่ตนพูดจะทำให้ทุกอย่างไปต่อไม่ได้ เราต้องระมัดระวังในการบริหารราชการแผ่นดิน เราจะต้องทำในสิ่งที่ทำได้ ทำให้เป็น ทำให้ถูก ทำให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตรงกับสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องให้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นนโยบายที่แถลงจะเกี่ยวข้องกับปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน หลายเรื่องเป็นนโยบายที่ทำแล้ว ทำอยู่ทำต่อ นโยบายใน 1 ปีเราจะทำอะไรบ้างจะค่อยๆปล่อยออกไปบางอย่าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุรัฐบาลแต่หากเอาหลักการเหล่านี้มาก็จะต่อเนื่องไปโดยตลอด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นได้จริง มีการหาข้อมูลสำรวจเป็นข้อมูลจากหลายภาคส่วน และมาช่วยกันดูที่ใช้วิธีการอย่างไรและจะใช้งบประมาณเท่าใด มีเงินหรือไม่ และจะหาเงินอย่างไรมาจากที่ไหน พร้อมยืนยันว่า นโยบายที่แถลงในวันนี้สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไร ให้ประเทศที่มีรายได้ 4 ล้านล้านบาท เพื่อที่จะสามารถดูแลคนได้ทุกกลุ่มทุกเป้าหมาย ทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ตนเป็นกังวลคือการศึกษาการเกษตร คือ คนส่วนใหญ่ของประเทศจะต้องมีการปรับ ตนพยายามทำมาหลายปีแล้วจะต้องไปดูเรื่องกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการศึกษา แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือความเข้าใจ บังคับไม่ได้ หากบังคับก็ไม่สำเร็จสักที เพราะประชาชนคือความรับผิดชอบของรัฐบาล และยังต้องปรับปรุงแก้ไข ต้องเจอเรื่องพวกนี้ทั้งนั้นไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล และตนเป็นประธานยุทธศาสตร์ ทุกวันพูดจะนึกว่าทำเองข้างล่างไม่ไหว ต้องให้คนที่เป็นคนทำได้พูด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า การแถลงของเราอาจไม่เหมือนคนอื่น ขอบคุณสื่อมวลชนที่นั่งฟังกันนานเพราะตนก็ฟังอยู่ด้วย เรื่องของนโยบายความเป็นธรรมลดการเหลื่อมล้ำตนมีในทุกนโยบาย ทำให้หมด ซึ่งการออกนโยบายหลายพรรคบอกนโยบายแต่ไม่บอกวิธีการว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่มาพูดว่าให้เท่าไหร่แล้วก็จบ ทั้งนี้ ตนไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดแต่ก็พอทำได้ วันนี้กำลังต่อเติมบ้านอยู่ที่ความร่วมไม้ร่วมมือ และตนก็รับฟังหลักการ วันนี้ตนเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ใส่เสื้อพรรค และถึงแก่ยังไงสติปัญญาตนก็ยังหนุ่มอยู่เสมอ
ขณะที่การแถลงข่าว บรรดาแกนนำต่างยืนยัน โดย นายสุชาติ ย้ำว่า ทุกนโยบายถ้ารวมไทยสร้างชาติได้เป็นแกนนำรัฐบาลพร้อมทำทันที ขณะที่ นายจุติ ยันไม่ใช่นโยบายเหวี่ยงแห่ ไม่แตะต้องบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนโยบายของพรรค รทสช. ที่เปิดวันเดียวกันนี้ 16 นโยบาย ประกอบด้วย 1. เพิ่มรายได้ประเทศไทยปีละ 4 ล้านล้านบาท คือ เศรษฐกิจโตปีละ 5%, รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,000 บาท, สร้างงานเพิ่ม 6.25 แสนตำแหน่ง
2. เพิ่มศักยภาพประเทศไทยคือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย, ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) และระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค รวมถึงเป็นศูนย์กลางภูมิภาคประเทศสู่อาเซียนและจีนตอนใต้, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล, สร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ
3. ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกระจายเม็ดเงินถึงคนตัวเล็ก คือ ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย, คนละครึ่งภาค 2, เที่ยวด้วยกันเมืองรองภาค 2, เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่า เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่าคนละ 10,000 บาทต่อเดือน
4. กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง คือ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีเพื่อลดราคาน้ำมัน, โครงการโคล้านครอบครัว ในปีแรกจะมีโค 4 ตัว ปีที่ 2 กลายเป็นโค 6 ตัว ปีที่ 3 จะกลายเป็นโค 10 ตัว นี่คือ โครงการที่จะทำให้ประชาชนจับเงินแสนได้ด้วยวิธีง่ายๆ แต่ถ้าอยากจับเงินล้าน เลี้ยงโคไปถึง 6 ปี จะมีโคทั้งสิ้น 42 ตัว จะเป็นเงิน 1,050,000 บาท, ลดต้นทุนเกษตรกรช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 5 ไร่, ปุ๋ย ไฟฟ้า น้ำมันและน้ำมันราคาถูกสำหรับเกษตรกร และแก้กฎหมายประมงดูแลประมงพื้นบ้าน ปรับการทำงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นธรรม
5. สร้างโอกาสให้คนตัวเล็กด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คือ เน็ตประชารัฐ, พร้อมเพย์, แอปเป๋าตัง, แอปถุงเงิน, แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ, ดาต้าเซ็นเตอร์ระบบคลาวด์
6. แก้หนี้ คือ แช่แข็งหนี้ สูงสุด 3 ปี ตามเงื่อนไขโครงการแก้กฎหมายเครดิตบูโร ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ แก้หนี้นอกระบบ และมีที่พึ่งยามยากด้วย “กองทุนฉุกเฉินประชาชน” 3 หมื่นล้านบาท, สมาชิกสหกรณ์ใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้ และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้, แก้หนี้โควิดจบใน 12 ปีแหละแก้หนี้ กยศ. แก้หนี้กองทุนหมู่บ้าน และหนี้ภาครัฐด้วยงาน
7. กองทุนฉุกเฉินประชาชนวงเงิน 30,000 ล้านบาท เป็นที่พึ่งยามลำบากให้ประชาชนปลดพันธนาการเงินนอกระบบ
8. ประกันสังคมทั่วหน้าทุกอาชีพคืนเงินสะสมชราภาพ 30% ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสะสมมาใช้ก่อนยามจำเป็น ซึ่งเงินในส่วนนี้ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นเงินของกองทุนประกันสังคม พร้อมทั้งเพิ่มเงินชราภาพ อายุ 55 ปี เป็น 10,000 บาท เพิ่มสิทธิด้านเงินดูแลบุตรให้แก่ผู้ประกันตนสูงถึง 1,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 10 ปี ให้เงินเกษียณอายุ 55 ปี 10,000 บาท เพื่อเพิ่มความมั่นคงหลังเกษียณให้มีเงินเพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน ปีแรก 28,597 ล้านบาท ปีต่อไป เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 20%
9. เข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข 1 อำเภอ (เขต) 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม, 1 ศูนย์ผู้สูงอายุคนพิการและผู้ป่วยโรคร้ายระยะสุดท้าย
10. ดูแลกลุ่มเปราะบาง เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 1,000 บาท เท่ากัน ทุกช่วงของอายุ ,เพิ่มเงินช่วยดูแลบุตรแรกเกิดถึง 10 ปี จากเดิม 800 บาท เป็นเดือนละ 1,000 บาทจากเดิม 800 บาท (สำหรับแรงงานในระบบประกันสังคม)มีประมาณ 12 ล้านคน
11. ลดค่าของชีพ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี, ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย, โครงการแท็กซี่เพื่อสังคม, ลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อแม่สูงสุด 60,000 บาท และ ออมเงินหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
12. บัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิเดือนละ 1,000 บาท/คน, กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน
13. สร้างโอกาสเด็กไทยคงการอยากเรียนอะไรต้องได้เรียน, ทุนการศึกษาอาชีวะ 100 ทุนต่อ 1 อำเภอ (เขต) ทุนละ 10,000 บาท ,โครงการเรียนจบมีงานทำ
14. รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำกิน แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน ไม่โดนไล่ทรา ไม่ถูกฟ้อง, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความสะดวกลดขั้นตอนทางกฎหมาย 1,100 ขั้นตอน
15. ลดฝุ่น PM 2.5 ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหามลภาวะเป็นพิษแบบ Single Command รวม PM 2.5, เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า, ส่งเสริมรถอีวี, ใช้มาตรฐานยูโร 5 กับรถใหม่ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 และ เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด 50%
และ 16. พัฒนาที่อยู่อาศัย ต่อยอดโครงการ “บ้านสุขประชา” มีบ้านมีงานทำ, สินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟสที่ 3, บ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร, ฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส 2
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับนโยบายที่ “พร้อมทำ” 10 นโยบาย ประกอบด้วย 1. เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิเดือนละ 1,000 บาท/คน, กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน 2. ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน วงเงิน 30,000 ล้านบาท 3. คืนเงิน 30% เงินสะสมชราภาพผู้ประกันตน มาตรา 33
4. แก้หนี้แช่แข็งหนี้ปลดหนี้ด้วยงาน 5. รื้อกฎหมาย ที่รังแกประชาชนและที่เป็นอุปสรรคการทำกิน 6. ลดหย่อนภาษี ค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อ แม่รวมสูงสุด 60,000 บาท 7. เบี้ยตอบแทน อปพร. คนละ 1,000 บาท/เดือน 8. ออมเงินพร้อมลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF 9. ลดต้นทุน เกษตรกร ปุ๋ย น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาถูก และ 10. ไม่เลิกเงินบำนาญ ให้ข้าราชการเลิกเงินสมทบ กบข.ได้ก่อน 30%