หัวหน้า รทสช. มั่นใจ “บัตรลุงตู่ พลัส” เพิ่มสิทธิประโยชน์ถูกใจประชาชน ทั้งเพิ่มเงิน และใช้เป็นหลักประกันกู้เงินจากธนาคารรัฐไว้ใช้ยามฉุกเฉิน สร้างความมั่นคงในชีวิต และแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้
วันนี้ (25 เม.ย.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงนโยบายสวัสดิการพลัส นโยบายหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนี้ ว่า นโยบายนี้เป็นการต่อยอด หรือว่าทำต่อจากสิ่งที่ท่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไว้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพ ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน บัตรสวัสดิการรัฐ หรือที่ประชาชนเรียกว่า “บัตรลุงตู่” แต่เดิมเป็นแค่สวัสดิการธรรมดา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้นำมาทำให้ได้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น จึงเรียกเพิ่มเติมว่าเป็น บัตรสวัสดิการพลัส ที่จะมีสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมจะจ่ายให้พี่น้องประชาชนเดือนละ 200-300 บาท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติแต่ละคน แต่หลังจากการทำงานของพรรค ได้นำงบประมาณต่างๆ มาดู ปรากฏว่า สามารถจัดเพิ่มเติมให้ได้ถึง 1,000 บาท
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 เนื่องจากพบว่า ประชาชนที่อยู่ในเงื่อนไขคุณสมบัติที่จะได้บัตรนี้จำนวนมาก บางครั้งประสบความเดือดร้อนจากเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ก็สามารถนำบัตรนี้ไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินกับธนาคารของรัฐ ประมาณ 10,000 บาท ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาการเป็นหนี้นอกระบบได้
“เพราะฉะนั้นก็จะทำให้บัตรใบเดียวเนี่ยประชาชนได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น สองต่อ ต่อที่หนึ่ง คือ รายเดือนเพิ่มขึ้น ต่อที่สอง เหมือนเป็นหลักประกันชีวิตให้กับตนเอง เวลาเกิดเหตุจำเป็นฉุกเฉินต้องการเงินด่วน สามารถไปใช้สิทธิเอาเงินออกมาก่อนได้ โดยสรุปบัตรสวัสดิการพลัสหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบัตรลุงตู่พลัส คือ สิ่งที่ท่านจะได้ท่านได้เดือนละ 1,000 บาท แปลว่า หนึ่งปีท่านได้ 12,000 บาท 4 ปี ท่านได้ 48,000 บาท แล้วขณะเดียวกัน บัตรนี้ยังเป็นบัตรที่ใช้เป็นหลักประกันที่ท่านสามารถใช้สิทธิในยามฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาท เพราะฉะนั้นสิทธิประโยชน์จากบัตรนี้ได้มากกว่าเยอะ นอกจากนั้น บัตรนี้ใช้ได้ทั่วประเทศ ไม่ใช่อยู่แค่ร้านค้าใกล้บ้าน แล้วก็ใช้ได้ทุกอย่างทุกประการที่ท่านอยากได้” นายพีระพันธุ์ กล่าว