xs
xsm
sm
md
lg

“สุพัฒนพงษ์” ของบกลาง อุ้มค่าไฟ 4 เดือน โต้ “กรณ์” ยกเลิกค่าเอฟที ใครรับผิดชอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ จากแฟ้ม
“สุพัฒนพงษ์” แจงของบกลาง อุ้มค่าไฟ 4 เดือน โต้ “กรณ์” ยกเลิกค่าเอฟที ใครรับผิดชอบ เชื่อ นโยบาย รทสช. ลดค่าเอฟทีเหลือศูนย์ ทำได้

เมื่อเวลา 09.20 น. วันนี้ (25 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 จากมติเดิม 4.77 บาท/หน่วย เป็น 4.70 บาท/หน่วย เท่ากันทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม หรือลดลง 2 สตางค์/หน่วย ว่า

มีผลบังคับใช้ได้เลย ไม่ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. ส่วนการขออนุมติงบกลาง เพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติก่อน ส่วนตัวเลขจะอยู่ที่วงเงิน 8,000 ล้านบาทหรือไม่ ต้องรอดู

“ผมได้ทำเรื่องเพื่อของบประมาณเข้ามาแล้วที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ซึ่งต้องรอดูตัวเลขงบประมาณ คงจะมีการพิจารณากันวันนี้ รอฟังผลแล้วกัน ผมทำเรื่องมาแล้ว ถ้าไม่ได้ติดเรื่องขั้นตอนอะไร อยากให้เข้าเร็ว เพราะถึงรอบแล้ว ปกติต้องของบในช่วงต้นเมษายนเพราะต้องบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะสามารถนำมาคำนวณได้ว่ายอดที่จะใช้ช่วยเท่าไหร่ แต่ยุบสภาก่อน ทำให้ไม่สามารถเร่งได้เร็วกว่ากำหนดไว้ จึงต้องมาของบกลางในช่วงนี้ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ มาตรการที่จะดูกลุ่มเปราะบางพยายามดูแลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะช่วยลดภาระประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยกลุ่มผู้เปราะบาง หลักการก็จะเป็นเหมือนเดิม ส่วนวิธีการก็ควรจะเป็นโครงการต่อเนื่องจากเดิมที่รัฐบาลทำมาโดยตลอด ดูแลผู้เปราะบางเหมือนเดิม

“ส่วนที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันว่า ค่าไฟฟ้าแพง ต้องแยกระหว่างอัตราค่าไฟเดือนมกราคมถึงเมษายนอัตราเดิมตลอด” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับงวดถัดไปในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2566 ตนเชื่อว่า หากราคานำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีแนวโน้มทรงตัวและอ่อนตัวเช่นนี้ คาดว่าค่าไฟฟ้าจะลดลงได้อีก

“กระทรวงพลังงานไม่ได้อยู่นิ่ง ทำงานกันทุกวัน พยายามหาแหล่งพลังงานที่ไม่แพงมาทดแทน หรือการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีราคาถูกทำให้ลดลงมาเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วยได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะสูงกว่านี้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณี นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ท้วงติงว่า ลด 2 สตางค์ต่อหน่วยน้อยเกินไปและเสนอว่าควรยกเลิกคิดค่าเอฟทีเอระยะเวลา 3 เดือน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การยกเลิกค่าเอฟที 3 เดือน คือ ต้นทุนของประเทศ ก็ต้องดูว่าใครจะรับผิดชอบไป ลดค่าเอฟที 0.93 สตางค์เป็นเงินจำนวนไม่น้อย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง แต่ถ้าให้กันทั้งหมดก็จะใช้งบประมาณจำนวนมาก เกิดเป็นปัญหาวินัยการเงินการคลัง

“ผู้ที่เสนอไม่ให้มีเอฟทีเลย ก็ต้องถามคำถามว่า แล้วส่วนนี้ใครจะรับผิดชอบไป เพราะเอฟทีคือต้นทุนเชื้อเพลิง ไม่ใช่ค่าพร้อมจ่าย” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า นางรสนา โตสิตระกูล อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดโรงไฟฟ้าจึงผลิตเกินความต้องการใช้จริงกว่า 50% นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เกิดจากการคำนวณคลาดเคลื่อน วิธีการคำนวณไม่ได้ใช้ในสากล ผิดตรรกะ เพราะคำนวณบนพื้นฐานการนำตัวเลขกำลังการผลิตของเชื้อเพลิงทุกประเภทมารวมกันตรงๆ แต่วิธีการคำนวณที่ถูกหลักวิชาการ ตัวเลขกำลังการผลิตที่เรียกว่าพึ่งพาได้ ใช้ประโยชน์ได้ ไม่ได้สูงขนาดที่จะทำให้กำลังสำรองการผลิตสูงถึง 50-60% แต่ต่ำกว่านั้นเหลือเพียง 30% ณ สิ้นปี 65

“สิ้นปี 66 จะมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ารุ่นเก่าๆ ที่ปลดระวางลงไปบางส่วนก็จะหายไปอีก แนวโน้มก็จะต่ำกว่า 30% และจะต่ำลงไปเรื่อยๆ เพราะจะมีการปลดระวางโรงไฟฟ้าตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 68” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ค่าพร้อมจ่ายจะจ่ายน้อยลงใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า โดยหลักก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะพลังงานที่จะมาทดแทนเป็นพลังงานสะอาด แต่ก็ต้องมาดูความสามารถที่จะมารองรับพลังงานสะอาดด้วยเช่นเดียวกัน จึงต้องดูว่ากำลังการผลิตสำรองควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งโดยปกติมักจะมีกำลังการผลิตสำรองสูงกว่าปกติ ขณะนี้กำลังหาค่ามาตรฐานควรจะเป็นเท่าไหร่

เมื่อถามถึงกรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศนโยบายว่า หากพรรค รทสช.ได้เป็นรัฐบาล ค่าไฟฟ้าจะมีการกำหนดราคาให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร ยูนิตละ 3.90 บาท นายสุพัฒนพงษ์ ในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรค รทสช. กล่าวว่า นโยบายคือ ค่าเอฟทีเป็นศูนย์ ซึ่งปัจจุบันในส่วนของผู้เปราะบางค่าเอฟทีก็เกือบจะเป็นศูนย์ หรือ ประมาณ 1 สตางค์ ถ้าจะช่วยกลุ่มเปราะบางอีก 1 สตางค์ ก็น่าจะทำได้ อยู่ในวิสัยที่จะทำได้อยู่แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น